ความรักและความสัมพันธ์เป็นสิ่งที่สวยงาม เป็นความรู้สึกดีๆ ที่ทำให้โลกใบนี้แสนสดใส ไม่ว่าจะเป็นความรักและความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัว ความรักของพ่อแม่ ความรักของพี่น้อง เพื่อน หรือคู่รัก ความรักทุกรูปแบบเป็นเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
ความรักและความสัมพันธ์ที่ดีนั้น อาจทำให้คุณรู้สึกชื่นใจทั้งจากคำพูดและการกระทำที่เราแสดงออกให้เห็นถึงความรัก ความปรารถนาดีที่มีให้ แต่เดี๋ยวนี้ มีการแสดงออกถึงความรักและความสัมพันธ์ที่ไม่ต้องการคำพูดใดๆ แต่สามารบอกได้ว่านั่นคือความรัก
ความรักและความสัมพันธ์ที่ Central Inspirer อยากชวนคุณมาสัมผัสคือ การแสดงออกซึ่งความรู้สึกด้วยการ Skinship เป็นความสัมพันธ์แบบไร้คำพูด จะมีที่มาจากไหน ช่วยอัพเลเวลความสัมพันธ์ได้อย่างไร วันนี้เราชวนคุณมาทำความรู้จักกับ Skinship กันคะ
มาทำความรู้จักกับ Skinship
Skinship (สกินชิพ) หมายถึง การสัมผัสทางร่างกายที่สรา้งความรู้สึกดีๆ และทำให้เกิดความผูกพันธ์มากขึ้น คำว่า “Skinship” เป็นคำศัพท์ที่เกิดขึ้นใหม่ มาจากคำว่า Skin + Relationship ซึ่งถูกคิดค้นและใช้แพร่กันอย่างหลายในประเทศญี่ปุ่น เดิมทีในญี่ปุ่นคำว่า Sknship หรือ Wasei-eigo จะใช้กับความสัมพันธ์ของแม่กับลูก แต่ในปัจจุบัน คำว่า Skinship สามารถใช้ในความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน และคู่รักได้เช่นกัน
Skinship เป็นการสัมผัสที่ทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย และยังช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น การสัมผัส เช่น การจับมือ แตะไหล่ แตะตัวนิดๆ นวด กอด ลูบหัว หรือการจูบ นั่นแหล่ะคือ การสัมผัส หรือ Skinship เพื่อเพิ่มความรักและความสัมพันธ์ให้แนบแน่น
จากการศึกษาพบว่า เมื่อมีการสัมผัสระหว่างกันไม่ว่าจะเป็นแม่กับลูก เพื่อน หรือคู่รัก ระบบประสาทจะรับความรู้สึกทางกายที่เรียกว่า Somatic Sensory System หรือ Body Sensing System โดยจะทำหน้าที่รับรู้และส่งสัญญาณไปที่ระบบประสาทกลาง ระหว่างนั้น สมองจะประมวลผลว่าการสัมผัสนั้นๆ ว่าเป็นอันตรายหรือไม่ ถ้าไม่เป็นอันตราย ผู้ถูกสัมผัสจะรู้สึกสบายใจมากขึ้น เกิดความรู้สึกปลอดภัย คล้ายกับตอนที่เราฟังเสียง ASMR หรือ Autonomous Sensory Meridian Response ซึ่งเป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อประสาทรับความรู้สึกอัตโนมัติ จนเกิดเป็นความรู้สึกผ่อนคลายขึ้น และสามารถช่วยลดระดับความเครียด ลดอาการซึมเศร้า และลดอาการเจ็บป่วยได้ Skinship จึงเป็นภาษากายอย่างหนึ่งที่ใช้แทนการคำพูดว่ารักได้ เพราะทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจไม่แพ้กับคำพูด แถมทำได้บ่อยๆ ไม่รู้สึกเลี่ยนอีกด้วย
Skinship ช่วยอัพเลเวลความสัมพันธ์ได้อย่างไร
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า Skinship เป็นเหมือนภาษากายที่เน้นความสัมผัสโดยไม่ใช้คำพูด เป็นการสัมผัสที่เราสามารถแสดงออกถึงความรักระหว่างพ่อแม่ลูก เพื่อน หรือคนรัก และสามารถเพิ่มดีกรีความรักความสัมพันธ์ได้ จะเป็นอย่างไร มาดูกันค่ะ
1. ช่วยปลอบประโลมจิตใจได้
Skinship หรือการสัมผัสร่างกาย เป็นปัจจัยขั้นพื้นฐานของมนุษย์ในด้านพัฒนาการ มีงานวิจัยมากมายเกี่ยวกับการสัมผัสร่างกายที่บ่งบอกว่ามีผลกระทบต่อการพัฒนาการ เช่น การที่เด็กกำพร้าในประเทศโรมาเนียที่ถูกกีดกันจากการสัมผัส จะมีระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลและการพัฒนาการเจริญเติบโตที่ต่ำกว่าเด็กที่ได้รับการสัมผัสในวัยเดียวกัน และยังทำให้เด็กมีอารมณ์ก้าวร้าว หงุดหงิด และมีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ไม่ค่อยดี จะเห็นได้ว่าการสัมผัสเป็นสิ่งที่สามารถปลอบประโลมจิตใจคนเราได้ และทารกแรกเกิดที่ได้รับความอบอุ่นจากแม่อย่างเต็มที่ผ่านการสัมผัสจะทำให้ช่วยควบคุมอุณหภูมิ ควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ ควบคุมการหายใจของทารกแรกเกิด และลดอาการร้องไห้ได้อีกด้วย
2. ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
การสัมผัสโดยเฉพาะการกอด จะทำให้ร่างกายจะปล่อยสารออกซิโทซิน (oxytocin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกสบายตัว และทำให้รู้สึกปลอดภัยออกมา อีกทั้งยังช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย จากการศึกษาของนักจิตวิทยาและนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน สหรัฐอเมริกา พบว่าการกอดเป็นรูปแบบหนึ่งของการสัมผัสที่สามารถเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันได้ นอกจากการกอดจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายได้แล้ว ยังช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจและทำให้ความดันโลหิตลดลง ทำให้หลับสบายขึ้นอีกด้วย
3. ช่วยให้สุขภาพจิตและสุขภาพกายดีขึ้น
ผิวหนังถือเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดที่คลอบคลุมในร่างกาย ประกอบไปด้วยเส้นประสาทหลายส่วนที่สามารถส่งความรู้สึกจากการสัมผัสที่ทั้งดีและไม่ดีไปยังสมองของเรา เมื่อคนเราได้รับดารสัมผัสที่ถูกใจและปลอดภัย เช่น การกอด การตบไหล่ หรือการจับมือ สมองของเราจะหลั่งฮอร์โมนออกซิโทซิน ทำให้รู้สึกดีและกระชับความผูกพันทางอารมณ์ได้ นอกจากนี้ การสัมผัสยังช่วยลดความวิตกกังวลและความกลัว ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้
4. ช่วยเพิ่มความสนิทสนมและไว้ใจ
หากคนเราขาดการติดต่อจากคนรอบข้าง อาจจะเกิดความเครียดและความวิตกกังวลขึ้นได้ Skinship ช่วยลดความดันโลหิต ลดความตึงเครียด และลดระดับการปล่อยฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือ Stress Hormone ฮอร์โมรเพิ่มความเครียดหลักของร่างกาย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มฮอร์โมนออกซิโตซิน ที่ช่วยในการส่งเสริมความผูกพันทางอารมณ์กับผู้อื่น ทำให้สนิทสนมกับคนรอบข้างได้ง่ายขึ้น ในบางวัฒนธรรม การจับมือ หรือการกอดเพื่อทักทายคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก สามารถช่วยให้เกิดความไว้วางใจ รู้สึกผ่อนคลาย และสามารถเปิดใจคุย สร้างความสนิทสนมได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
5. ทำให้รู้สึกสงบและปลอดภัย
การสัมผัสช่วยให้สมองหลั่งสารโดปามีน (Dopamine) ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและสงบ เนื่องจากหัวใจจะเต้นช้าลง จากผลการศึกษาคลื่นสมองโดยใช้เครื่อง PET Scan พบว่า ตอนที่คนเราที่มีความเครียด การสัมผัสโดยการจับมือ จะทำให้คลื่นสมองสงบลง ผลทดลองนี้ยิ่งดีขึ้นถ้าเป็นการสัมผัสจากคนที่เรารู้สึกรัก แม้แต่กับคนแปลกหน้าก็ยังตอบสนองในแง่บวกเช่นกัน เช่น แพทย์กับคนไข้ หรือพยาบาลกับผู้ป่วยที่แอดมิทอยู่ในโรงพยาบาล นอกจากนี้ Skinship ยังสามารถลดความเจ็บปวดได้ เช่น การนวดให้คนรักเมื่อเขารู้สึกปวดศีรษะ หรือร่างกาย เพราะจะทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกสงบ แม้แต่การทำเล็บ หรือทำสปา ก็เป็นการ Skinship ที่ทำให้ร่างกายรู้สึกสงบและปลอดภัยได้เช่นเดียวกัน
โดยปกติในความสัมพันธ์แบบคู่รัก เรามีการสัมผัสทางกาย หรือ Skinship กันอยู่แล้ว แต่สำหรับความสัมพันธ์กับพ่อแม่ พี่น้อง หรือเพื่อน เราสัมผัสกันน้อยมากในวัฒนธรรมไทย เราไม่ค่อยโอบกอดคุณแม่คุณพ่อ มีแต่ท่านเท่านั้นที่คอยตบไหล่ หรือลูบหัวเพื่อปลอบโยนเมื่อเราทุกข์ใจ หรือเมื่อเราทำให้ท่านภาคภูมิใจเมื่อเราทำความดี ลองหันมามอบสัมผัสที่อบอุ่นให้กับคนในครอบครัว คุณแม่คุณพ่อ ปู่ย่าตายาย หรือเพื่อนๆ ให้มากขึ้น เพื่ออัพเลเวลความรู้สึกและความสัมพันธ์ แสดงความรักกับคนสำคัญของคุณโดยไม่ต้องใช้คำพูด มันให้ความรู้สึกดีๆ ตั้งแต่วันนี้ Skinship กันให้มากขึ้นนะคะ
ก็จบลงไปแล้วสำหรับเรื่องราวของ “สกินชิพ” หวังว่าคงพอจะเข้าใจเรื่องนี้กันมากขึ้นแล้ว จะเห็นได้ว่าสิ่งนี้ช่วยกระดับความสัมพันธ์กับคนรักได้ดีเลยค่ะ แต่อาจจะยังไม่เพียงพอ ลองเซอร์ไพรส์คนรักของคุณด้วยของขวัญดูค่ะ ที่ Central Online เรามีให้คุณเลือกเพียบ ไม่ต้องมีโอกาสพิเศษ แต่ให้เพราะความรัก ก็จะช่วยยกระดับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นกันมากขึ้นไปไปอีก สำหรับใครที่คิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไรดี มาดามมีไอเดียมาฝากกันค่ะ ดังนี้
ไอเดียของขวัญผู้ชาย | ไอเดียของขวัญผู้หญิง |
ขอบคุณข้อมูลจาก: innnews.co.th/wongnai.com
Picture credit: pinterest.com