รีวิวกระเป๋าเดินทาง Samsonite EVOAZ มีอะไรเด่น ใช้งานจริงเป็นอย่างไร?

สวัสดีครับ! ครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสพิเศษมากๆ และเป็นครั้งแรกเลยสำหรับการรีวิวที่นำโดยผม ทอมมี่ ที่ต่อจากนี้ จะหาไอเทมที่กำลังเป็นที่สนใจมาทดลองใช้งานก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจของคุณ ว่าจะซื้อดีไหม? คุ้มหรือเปล่า? เอาล่ะ พอจะรู้จักผมกันมากขึ้นแล้ว มาดูกันเลยว่าหัวข้อในวันนี้คืออะไร

ถ้าผมให้คุณนึกถึง กระเป๋าเดินทาง ผมเชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะนึกถึงแบรนด์ Samsonite กันแน่นอน เพราะได้รับความนิยมตลอดมา เนื่องด้วย ความแข็งแรงและน้ำหนักเบา นั่นเอง ดังนั้น ผมจึงได้เลือก Samsonite EVOAZ ที่เพิ่งเปิดตัวมาได้ไม่นาน มาทดลองใช้งานดูว่า กระเป๋าเดินทางรุ่นนี้ดีต่อใจจริงๆ หรือเปล่า หรือมีติดขัดอะไรไหม มาดูกันเลยครับ

ในภาพจะเป็นขนาด 20″ และ 30″

ที่ผมเลือกทดสอบ ระบบล้อ ก่อนนั่นก็เพราะว่ารุ่นนี้เขาติดตั้งนวัตกรรมใหม่เข้ามาเรียกว่า Aero Trac™ (มีโช้คและลูกปืน) ช่วยลดการสั่นสะเทือนและเสียงนั่นเอง

ความไหลลื่น – ผมเริ่มจากการลากระเป๋าบนพื้นเรียบๆ ก่อน เช่น พื้นออฟฟิศและบนห้าง ปรากฎว่าล้อมีความไหลลื่นดี ตามที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก ทีนี้เลยลอง Challenge กระเป๋าใบนี้มากขึ้น ด้วยการลากไปบนพื้นที่ค่อนข้างขรุขระ เช่น ถนน ฟุตบาต ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่าก็ยังคงทำได้ดีเช่นกัน แถมแรงสะเทือนมาที่มือยังไม่ค่อยรู้สึกอีกด้ย ถือว่าเยี่ยมเลยครับ สำหรับความไหลลื่นของล้อ

ด้านเสียง – ผมทดลองมาให้แล้ว สำหรับผมจะยังไม่ค่อยว้าวเท่าไหร่ ความรู้สึกส่วนตัวก็คือยังไม่ได้เงียบขนาดนั้น ยังพอเกิดเสียงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ดังมากจนถึงขั้นเรียกว่าเป็นเสียงรบกวนครับ

การควบคุม – ผมทดลองลากไปข้างหน้า เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา มาให้แล้ว ปรากฏว่าล้อของกระเป๋ารุ่นนี้ตอบสนองได้ดีเลยทีเดียว ไหลลื่น แต่จะมีติดขัดเล็กน้อยตอนที่ผมพยายามหักเลี้ยวกระเป๋า 360 องศา รู้สึกว่าจะต้องตีวงกว้างเป็นพิเศษ แต่ภาพรวมการควบคุมก็ถือว่า ระบบล้อ ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมครับ

ในภาพจะเป็นการทดสอบเปลี่ยนรหัสหลายๆ ครั้ง

มาต่อกันด้วยระบบรักษาความปลอดภัยของกระเป๋า จะเป็น “ตัวล็อกซิประบบ TSA” ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่หลายคนที่เดินทางบ่อยๆ น่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ตรงส่วนนี้ก็ใช้งานได้ดีเลยครับ สามารถล็อกซิปของเราได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร แม้ว่าผมจะทดลองด้วยการเปลี่ยนรหัสกระเป๋าหลายๆ ครั้งก็ตาม

สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะตั้งรหัสสของระบบล็อก TSA ยังไง ผมมีขั้นตอนมาให้ด้วยครับ เพราะรูปภาพขั้นตอนที่ติดมากับกระเป๋าอาจจะดูยากไปนิดนึง ผมต้องทดลองอยู่นานเลยทีเดียว ขออธิบายง่ายๆ ดังนี้ครับ

• ถ้าซื้อกระเป๋ามาใหม่ ทางแบรนด์เขาจะตั้งรหัสให้เป็น 000 ครับ ให้สไลด์ปุ่มที่ติดกับที่ใส่รหัสสามหลักไปด้านหน้าได้เลย [ดูภาพประกอบด้านบนได้เลย] ซิปก็จะเด้งออกมาทันที
• ถ้าต้องการเซ็ตรหัสใหม่ หลังจากที่ซิปเด้งออกมาแล้ว อย่าเพิ่งเก็บกลับไปนะครับ ให้คุณนำของแหลมๆ ผมแนะนำว่าให้ใช้เข็มจิ้มซิม จิ้มลงไปบริเวณปุ่มเล็กๆ ที่ติดกับตัวกดรหัส จากนั้นปุ่มจะยุบลงไป
• หลังจากที่ปุ่มยุบลงไปแล้ว ให้เลื่อนรหัสไปเลขที่ต้องการได้เลย หลังจากตั้งค่าเสร็จเรียบร้อย ให้สไลด์ปุ่มที่ผมเล่าไปแล้วตอนแรก อีกหนึ่งรอบ ปุ่มที่ยุบลงไปจะเด้งกลับมา ก็เป็นอันว่าคุณต้องรหัสเรียบร้อย ให้คุณลองนำซิปกลับมาล็อก เพื่อทดสอบได้เลย

ในภาพจะเป็นกระเป๋าสี Ivory Gold ขนาด 25″

ภาพรวม – สำหรับกระเป๋ารุ่นนี้ เขาจะมีมาให้ด้วยกันถึง 3 สีครับ คือ Impeccable Black, Blue, Ivory Gold ซึ่งแต่ละสีทำออกมาได้ดี สวยทุกสีเลยครับ แต่ที่ชอบที่สุด คือ Ivory Gold  ที่โดดเด่นออกมาเลยครับ ดูหล่อและหรูหราสุดๆ

ผิวสัมผัส – สำหรับพื้นผิวจะค่อนข้างลื่น แต่ไม่เรียบนะครับ เพราะตัวกระเป๋าเขาจะมีแพทเทิร์นอยู่ ซึ่งผมค่อนข้างชอบนะ ดูหรูหรา พรีเมี่ยมดี

ด้ามจับประเป๋า – สำหรับส่วนของด้ามจับประเป๋า ผมลองจับแล้วก็รู้สึกกระชับดี แข็งแรง แต่น้ำหนักเบามาก ลากไปไหน มาไหน ไม่เมื่อยแขนแน่นอน

ดีไซน์ – ในแง่ดีไซน์ ที่ผมชอบที่สุด น่าจะเป็นตรงบริเวณกันกระแทก ที่ทางแบรนด์เขาแอบใส่โลโก้มาได้อย่างกลมกลืน สวยมากๆ ครับ

เหมาะกับใคร – หลังภาพรวมทั้งหมด ผมคิดว่าน่าจะเหมาะกับกลุ่มนักธุรกิจมากๆ เพราะกระเป๋าเดินทางรุ่นนี้เขาจะเน้นความเนี้ยบเป็นหลัก เสริมบุคลิกภาพได้ดีทีเดียว หรือถ้าใครที่ชอบกระเป๋าเดินทางแนวเนี้ยบๆ ดูหรูหราหน่อย กระเป๋าใบนี้ก็ตอบโจทย์เช่นกันครับ

ในภาพจะเป็นกระเป๋าทั้ง 4 ไซส์ คละสี

กระเป๋าเดินทางรุ่นนี้จะประกอบด้วยกัน 4 ขนาดครับ คือ 20”, 25”, 28”, 30” ซึ่งจะมีความจุแตกต่างกันออกไป แต่ที่ผมจะมาพูดถึงคือภาพในกระเป๋าครับ ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไรบ้าง โดยผมจะขอแบ่งออกเป็นสองส่วนครับ คือ

• ด้านบน [ด้านตรงข้ามกับก้านที่ใช้ลาก]
• ด้านล่าง [ด้านที่ติดกับด้ามจับกระเป๋า]

ในภาพคือด้านในของกระเป๋าทั้ง 4 ไซส์

ด้านบน – ส่วนนี้จะเป็นแผ่นกั้นครับ ดึงออกไม่ได้ โดยจะแบ่งออกเป็นซิปสองระดับ ดังในภาพ ซิปด้านบนเมื่อรูดออกก็จะเป็นช่องโล่งๆ ที่สัมผัสกับตัวกระเป๋าโดยตรงเลย ผมแนะนำให้เก็บเป็นพวกเสื้อผ้าครับ ส่วนซิบที่อยู่อีกชั้น จะเป็นช่องสำหรับใส่ของจิปาถะ หรือถ้าจะปรับเปลี่ยนเล็กน้อยไปใส่พวกชุดชั้นในก็ยังได้อยู่ ตรงส่วนนี้ก็ไม่ได้หวือหวานมากครับ ถือว่าอยู่ในมาตรฐานที่ดี แต่ผมชอบตรงที่แบ่งปันสัดส่วน รู้สึกว่าใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าดีครับ

ด้านล่าง – จะเป็นด้านที่เป็นช่องโล่งๆ สัมผัสกับตัวกระเป๋าโดยตรง แต่จะมีความพิเศษอยู่ตรงที่จะมีแผ่นกั้นที่สามารถถอดออกได้ โดยแผ่นกั้นนี้จะมีช่องที่ใส่ของเปียกไว้ให้ด้วย ตรงส่วนนี้ผมค่อนข้างชอบเลย โดยเฉพาะพาร์ทที่เป็นช่องใส่ของเปียกที่มีขนาดกำลังพอดี สามารถนำไปใช้งานได้จริง ข่าวดีคือ ทาง Samsonite เขาให้แผ่นกันอันนี้มาใช้กับกระเป๋าทั้ง 4 ขนาดเลย จะซื้อไซส์ไหน ก็ได้ใช้ฟีเจอร์นี้แน่นอน

Tips: หลังจากที่ผมทดลองใส่ของและได้เห็นขนาดจริงของกระเป๋าแล้ว ความจุของแต่ละขนาดเหมาะกับการใช้งาน ดังนี้ครับ [เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ทั้งนึ้ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วย]

• ไซส์ 20” น้องเล็กสุด เหมาะกับการไปทำงานต่างจังหวัด 2-3 วัน
• ไซส์ 25”- 28” น้องคนกลาง เหมาะกับการออกทริป 3-5 วัน
• ไซส์ 30” พี่ใหญ่สุด เหมาะกับทริป 7 วันหรือมากกว่านั้น

ปิดท้ายกันด้วย การป้องกันความเสียหายจากน้ำ ผมทดลองมาให้เรียบร้อย ส่วนตัวลองให้แล้ว ด้วยการลองหยดน้ำตามส่วนต่างๆ สำหรับบอดี้รอบๆ กันน้ำได้ดีเลย ไม่มีจุดไหนรั่วซึม จะติดตรงช่วงซิปครับ อาจจะต้องระวังหน่อย เพราะส่วนนี้จะไม่กันน้ำนะ แนะนำว่าถ้าต้องเจอกับน้ำให้วางกระเป๋าเป็นแนวนอนเข้าไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ซิปสัมผัสกับน้ำโดยตรง เพราะมีโอกาสที่จะซึมไปโดนของด้านในได้

เข้าสู่ช่วงสุดท้ายกันแล้วนะครับ นั่นก็คือพาร์ทให้คะแนนนั่นเอง สำหรับกระเป๋า Samsonite EVOAZ ผมให้คะแนนที่

“9/10 คะแนน – แนะนำให้ซื้อเป็นอย่างยิ่ง”

สาเหตุที่ได้คะแนนมากขนาดนี้ นั่นก็เพราะว่า กระเป๋าเดินทางรุ่นนี้มีให้เราครบทุกอย่างแล้วทั้ง ดีไซน์ น้ำหนักเบา แข็งแรง การแบ่งพื้นที่ในกระเป๋า สำหรับคะแนนที่หักไปเนื่องจากยังมีบางส่วนที่ผมใช้งานแล้วติดขัดอยู่บ้างเพียงเล็กน้อย เช่น การเลี้ยวแบบ 360 องศา & การกันน้ำที่อาจจะไม่ 100%

ก็ครบครันไปแล้วนะครับ สำหรับ รีวิว กระเป๋าเดินทาง Samsonite Evoaz หวังว่าคงจะเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับคนที่ต้องการช้อปกระเป๋ารุ่นนี้ คราวหน้าจะเป็นสินค้าอะไร รอติดตามกันได้เลยครับ ก่อนจากกันไป สำหรับใครที่ต้องการจะช้อปปิ้งต่อ สามารถไปช้อปกันได้เลยที่ Central Online แหล่งรวมสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำ ที่มีให้คุณเลือกช้อปอย่างหลากหลาย