โรคภัยไข้เจ็บนั้นอยู่ในทุกๆ ที่ และเกิดกับเราได้ทุกเมื่อ โดยอาการ “มือชา” เองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่มักจะเกิดขึ้นกับใครหลายคนบ่อยๆ จนเกิดความกังวลว่ามันอันตรายหรือไม่ มีวิธีป้องกันหรือไม่ มาดามเข้าใจในเรื่องนี้ดี จึงอยากนำความรู้เกี่ยวกับอาการ “มือชา” มาฝากทุกคนกัน ว่ามันคืออะไร อันตรายไหม พร้อมวิธีป้องกันและรักษา มาฝากทุกคนกัน จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ตามมาดามมาดูกันเลย
อาการมือชาคืออะไร?
เพื่อให้นิยามอาการมือชาของมาดามและคุณตรงกัน จึงอยากพูดถึงเรื่องนี้ก่อนเป็นอย่างแรก โดยเจ้าอาการมือชานี้ก็คือ อาการชาที่ฝามือและนิ้วมือ หรือในบางครั้งมีอาการปวดร่วมด้วย จนต้องบีบนวดที่มือ หรือในบางครั้งก็อ่อนแรงจนทำให้หยิบจับสิ่งของแล้วร่วงจากมือเลยทีเดียว
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการมือชา?
ส่วนใหญ่แล้วอาการมือชานั้นเกิดจาก 3 สาเหตุหลักๆ ดังนี้
- เกิดจากใช้งานมือในลักษณะที่ต้องกระดกมือเป็นเวลานาน หรือกำยืดนิ้วมือตลอดทั้งวัน ที่ส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดกับช่างทำผม แม่บ้าน แม่ครัว และคนทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ที่ต้องจับเมาส์ตลอดทั้งวัน
- เกิดจากการมีโรคประจำตัว อาทิ โรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคไตเรื้อรัง
- ข้อต่อกระดูกคอเสื่อม
- ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ หรือวัยหมดประจำเดือน
- ขาดวิตามินบี
วิธีป้องกันอาการมือชา
- เปลี่ยนอิริยาบถหรือลดการใช้ข้อมือลง โดยเฉพาะกับผู้ที่ต้องงอมือเป็นเวลานาน อาทิ พนักงานออฟิศ มีเวลาพักให้ข้อมือบ้าง อย่าใช้ต่อเนื่องมากเกินไป
- ปรับลักษณะการงอมือไม่ให้ผิดหลักสรีรศาสตร์ โดยสังเกตง่ายๆ หากคุณรู้สึกว่าต้องงอมือมากเกินไป ให้รีบเปลี่ยนลักษณะการงอมือในทันที
- ใช้อุปกรณ์ประครองข้อมือโดยเฉพาะกับผู้ที่ต้องจับเมาส์ตลอดทั้งวัน เมาส์ที่ใช้ควรจะมีลักษณะที่พอดี ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป เพราะจะทำให้ข้อมือเกร็งมากกว่าเดิม
- สำหรับผู้ที่มีอาการมาจากโรคเบาหวาน ต้องลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงจนเกินไป
- ควรทานอาหารที่ช่วยเสริมวิตามินบีให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
วิธีการรักษาอาการมือชา
สำหรับวิธีการรักษาจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
- การรักษาโดยไม่ผ่าตัด
- ทานวิตามินบีเข้มข้นเพื่อให้ร่างกายมีวิตามินบีเพียงพอ
- การทำอัลตราซาวด์
- แช่น้ำร้อน
- ใช้อุปกรณ์ช่วยขณะทำงาน ใช้ผ้าพันรอบมือขณะทำงาน
- การรักษาด้วยการผ่าตัด
กรณีนี้จำเป็นต้องใช้ เมื่อมีอาการมากจนรบกวนชีวิตประจำวัน หรือใช้ยารักษาแล้วไม่ได้ผล แต่อย่างไรก็ตามจากการศึกษาของมาดามพบว่า การผ่าตัดเพื่อรักษาอาการมือชานั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะเมื่อผ่าตัดแล้ว สามารถกลับบ้านได้เลยโดยไม่ต้องนอนพักที่โรงพยาบาล โดยจะเป็นเพียงแผลที่ยาวประมาณ 1 นิ้วเท่านั้น
อาการมือชาที่ควรต้องรีบไปพบแพทย์ทันที!!
- มีการมือชาเกิน 1 สัปดาห์
- อาการมือชาลามไปถึงสะโพก เพราะหากปล่อยไว้นานๆ อาจจะลุกลามกลายเป็นโรคอัมพฤกษ์-อัมพาต ซึ่งเป็นผลมาจากกระดูกสันหลังหักกดทับเส้นประสาทโดยที่คุณไม่รู้ตัว
สรุป
จากข้อมูลที่กล่าวมาทั้งหมด ก็จะเห็นได้ว่าโดยทั่วไปแล้วอาการ “มือชา” นั้นไม่เป็นอันตรายมากนัก เพราะมีสาเหตุมาจากการงอข้อมือเป็นเวลานาน และจะหายได้เองภายในเวลาไม่นาน แต่ก็ไม่ควรประมาทจนเกินไปเพราะว่าหากเกิน 1 สัปดาห์แล้วยังไม่หายหรือมีอาการลามไปถึงสะโพกแล้ว ควรรีบไปพบแพทย์ในทันที เพราะอาจลุกลามกลายเป็นอาการที่รุนแรงกว่าเดิมได้
และนี่ก็คือเรื่องราวดีๆ ที่มาดามนำมาฝากคุณในครั้งนี้ สำหรับใครที่อยากไปช้อปปิ้งกันต่อ สามารถไปช้อปกันต่อได้เลยที่ Central Online แหล่งรวมสินค้าพรีเมี่ยมที่มีให้คุณเลือกอย่างหลากหลาย
ขอบคุณข้อมูลจาก: Mahidol, nonthavej, และ siphhospital
เรียบเรียงข้อมูลโดย: MadameLisa