สำหรับคุณแม่มือใหม่ การดูแลลูกน้อยถือเป็นหน้าที่หลักที่คุณแม่ต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าที่บ้านจะจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาเป็นผู้ช่วย แต่การดูแลลูกน้อยย่อมเป็นหน้าที่ของคุณแม่ ระหว่างทางที่ลูกน้อยเติบใหญ่ มีโรคภัยมากมายที่อาจเกิดขึ้นกับทารกน้อย เด็กเล็กต้องได้รับวัคซีนตามวัยเพื่อป้องกันโรคร้ายที่อาจมาเยือนโดยคาดไม่ถึง เช่น วัคซีนป้องกันไวรัสโรต้า ต้นเหตุของอุจจาระร่วง วัคซีนป้องกันคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก โปลิโอ และ Hib วัคซีนป้องกันวัณโรค (BCG) หรือวัคซีนตับอักเสบบี (HBV) เป็นต้น
แต่มีไวรัสร้ายชนิดหนึ่งที่อยู่นอกเหนือวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ นั่นคือ RSV ไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคกับระบบทางเดินหายใจ ที่พบบ่อยในเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี ไวรัส RSV คืออะไร วันนี้ Central Inspirer อยากชวนคุณแม่มาทำความรู้จัก พร้อมวิธีป้องกัน เชิญทางนี้เลยค่ะ
ไวรัสตัวร้าย RSV คืออะไร?
RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus คือ การติดเชื้อในทางเดินหายใจที่เกิดขึ้นกับทารกและเด็กตัวน้อย มักก่อให้เกิดอาการหายใจขัด มีอาการเซื่องซึมหรือเกิดอาการไอ ซึ่งยิ่งรู้เร็ว ก็ยิ่งรักษาได้เร็วไวคะ
RSV อาจเกิดขึ้นได้กับทุกเพศและทุกวัย แต่หากเกิดขึ้นกับทารก หรือเด็กเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ นั่นเป็นเพราะระบบทางเดินหายใจของทารกและเด็กเล็กยังไม่พัฒนาอย่างเต็มที่ เด็กเล็กๆ ยังไม่สามารถขากเสมหะได้ด้วยตัวเองเหมือนเด็กโต หรือผู้ใหญ่ อีกทั้งยังมีอวัยวะและช่องทางหายใจที่เล็กกว่า ซึ่งอาจก่อให้เกิดการหายใจขัด ทำให้เกิดปัญหาในการหายใจได้
สำหรับผู้ใหญ่ RSV อาจเกิดจากอาการเป็นหวัด ทำให้มีอาการไอบ่อยๆ แต่สำหรับทารกและเด็กเล็ก RSV สามารถก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยที่ร้ายแรง เช่น โรคหลอดลมฝอยอักเสบ (Bronchiolitis) ที่มักเกิดขึ้นในฤดูหนาว จะสังเกตุได้ว่าทารกหรือเด็กเล็กที่มีอาการของโรคหลอดลมฝอยอักเสบ เวลาไอจะมีเสียงหวีด หรือ Wheezing ออกมาร่วมด้วย
ไวรัส RSV อาจนำพามาซึ่งการติดเชื้ออื่นๆ ได้ เช่น การเป็นปอดบวม หรือปอดอักเสบจากการติดเชื้อ (Pneumonia) ในบางกรณี เด็กอาจเจ็บป่วยมากจนต้องเข้าโรงพยาบาล RSV ถือเป็นไวรัส และเป็นโรคประจำฤดูหนาว ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน – เมษายน เมื่ออุณหภูมิลดต่ำลง อากาศมีความเย็นมากขึ้น และเป็นโรคที่สามารถติดต่อถึงกันได้
อาการของ RSV ในทารกและเด็กเล็ก
RSV เป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อได้ภายใน 4 -6 วันหลังจากการได้รับเชื้อ สำหรับเด็กโต RSV อาจก่อให้เกิดอาการเหมือนกับการเป็นหวัดธรรมดา แต่สำหรับทารกหรือเด็กเล็ก ไวรัสตัวนี้อาจก่อให้เกิดอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้
- หายใจเร็วกว่าปกติ
- หายใจลำบาก ทำให้ป้อนอาหารใด้ยาก
- มีอาการไอ
- มีไข้
- หงุดหงิด ฉุนเฉียว ไม่สบายตัว
- มีอาการเซื่องซึม
- มีน้ำมูก
- จาม
- หายใจหอบ
- หายใจมีเสียหวีด
วิธีป้องกันการติดเชื้อไวรัส RSV
เนื่องจาก RSV เป็นโรคติดเชื้อที่สามารถเป็นซ้ำได้อีก และยังไม่มีวัคซีนใช้ในปัจจุบัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การป้องกัน ได้แก่ ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลอยู่เสมอทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ใส่หน้ากากอนามัยเป็นประจำ รักษาความสะอาดทำความสะอาดของเล่นเด็กบ่อยๆ หากมีคนในบ้านป่วยควรแยกและงดใช้ของส่วนตัวร่วมกัน รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง สำหรับเด็กเล็กที่เข้าเนิร์สเซอร์รี่ หรือเข้าโรงเรียนแล้ว เมื่อมีการป่วย ควรหยุดเรียนทันทีจนกว่าอาการจะหายเป็นปกติเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
หากลูกน้อยป่วยด้วยไวรัส RSV ควรพาไปพบแพทย์หรือไม่?
อาการของ RSV นั้นมีหลากหลาย ตั้งแต่อาการเล็กๆ น้อยๆ ถึงอาการหนัก เช่น โรคหลอดลมฝอยอักเสบ หรือปอดบวม แต่ถึงแม้อาการจะบางเบา ไม่หนักมาก คุณแม่ควรพาลูกน้อยไปพบแพทย์ ถ้าคุณแม่สงสัยว่าลูกมีอาการของเชื้อไวรัส RSV โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกว่าลูกเริ่มมีอาการหายใจขัด หายใจไม่สะดวกแล้ว รีบพาไปพบแพทย์โดยทันที
อาการข้างเคียงต่างๆ ที่คุณแม่ควรสังเกต มีดังต่อไปนี้
- อาการขาดน้ำหรือของเหลว เช่น ลูกมีกระหม่อมบุ๋มผิดปกติหรือ Sunken Fontanelle ผ้าอ้อมแห้ง ลูกไม่ปัสสาวะ หรือลูกร้องไห้ไม่มีน้ำตา เป็นต้น
- มีอาการหายใจลำบาก สังเกตจากเมื่อเวลาเด็กพยายามหายใจจะมองเห็นแนวซี่โครงได้ชัดเจน
- สังเกตบริเวณเล็บและปากเป็นสีเขียวน้ำเงิน เนื่องจากการขาดออกซิเจนที่เพียงพอ หรือที่เรียกว่า Cyanosis
- มีไข้สูงมากกว่า 38°C โดยเฉพาะกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 3 เดือน
- มีไข้สูงมากกว่า 39°C โดยเฉพาะกับเด็กในทุกช่วงวัย
- ขี้มูกเหนียวและแข็งทำให้ให้ใจลำบาก
การรักษาเด็กเล็กที่ติดเชื้อไวรัส RSV
หากทารกและเด็กเล็กมีอาการ RSV ที่รุนแรง มีความจำเป็นต้องรับพาลูกน้อยไปพบแพทย์ เพราะเด็กจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือ Mechanical Ventilator เครื่องมือทางการแพทย์ชิ้นนี้สามารถช่วยเติมลมเข้าปอดให้กับเด็กน้อยจนกว่าเชื้อไวรัส RSV จะหายไป แพทย์มักใช้เครื่องมือนี้รักษาเด็กที่ป่วยเป็นโรคหลอดลมฝอยอักเสบ หรือปอดบวม และหากแพทย์พบว่าเด็กมีอาการขาดน้ำ ก็มีความจำเป็นต้องให้ของเหลวผ่านทางหลอดเลือดดำอีกด้วย ในส่วนของยาปฏิชีวนะ หรือ Antibiotics ก็ไม่สามารถรักษาอาการของ RSV ในทารกหรือเด็กเล็กด้ เพราะยาปฏิชีวนะช่วยบรรเทาในการติดเชื้อแบคทีเรีย ในขณะที่ RSV เป็นการติดเชื้อไวรัส
หากลูกน้อยมีอาการของ RSV ที่บ้าน คุณแม่ควรปฐมพยาบาลอย่างไร?
หากลูกน้อยมีอาการเบื้องต้นของการติดเชื้อไวรัส RSV หรือเมื่อปรึกษาคุณหมอแล้ว คุณหมออนุญาตให้คุณแม่ดูแลลูกอยู่ที่บ้านได้ คุณแม่อาจมีความจำเป็นต้องมีอุปกรณ์พื้นฐานในการดูแลลูกน้อย ซึ่งจะช่วยในการดูดสารคัดหลั่ง หรือเสมหะ และช่วยให้ลูกหายใจได้สะดวกขึ้น ดังนี้
1. เครื่องช่วยดูดน้ำมูก
เครื่องช่วยดูดน้ำมูก เป็นตัวช่วยในการดูดสารคัดหลั่ง หรือน้ำมูกเหนียวออกจากจมูกของลูกน้อย ควรดูดก่อนการให้อาหาร จมูกที่โล่งช่วยให้เด็กรับประทานอาหารได้ง่ายขึ้น อาจใช้น้ำเกลือมาผสมเล็กน้อย เพื่อให้การดูดนั้นง่ายขึ้น หลังจากการใช้งานต้องทำความสะอาดให้เรียบร้อย เพราะ RSV เป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อได้ง่าย
เครื่องดูดสารคัดหลั่ง หรือน้ำมูกคุณภาพ
PÜR ที่ดูดน้ำมูกเด็กเล็ก ราคา 115 บาท | NATUR ที่ดูดน้ำมูก รุ่น 85303 ราคา 69 บาท |
GLOWY STAR เครื่องดูดน้ำมูกแบบปากกา ราคา | SOFT เครื่องดูดน้ำมูกอัตโนมัติ ราคา 1,990 บาท |
2. เครื่องทำความชื้นในอากาศ
เครื่องทำความชื้นในอากาศ หรือ Humidifier ช่วยลดอาการคัดจมูกและหายใจไม่ออกของทารกหรือเด็กเล็กได้ ควรมีเครื่องทำความชื้นในอากาศเก็บไว้ และควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้เชื้อโรคและฝุ่นสกปรกต่างต่างเกาะติดในตัวเครื่อง เพราะจะยิ่งทำให้อาการหายใจลำบากของลูกแย่ลงไปใหญ่ เลือกใช้เครื่องทำความชื้นที่ปล่อยลมเย็นออกมา ไม่ควรใช้เครื่องที่ปล่อยไอร้อน เพราะจะทำให้ลูกน้อยอึดอัด และหายใจลำบากมากขึ้นไปอีก ในการรักษาอาการไข้ ควรปรึกษาแพทย์ว่าสามารถให้ยาแก้ไข้ หรือ Acetaminophen หรือที่เรารู้จักกันในนาม Paracetamol ได้หรือไม่ ซึ่งคุณหมอจะแนะนำให้ใช้ยาตามน้ำหนักของลูก ห้ามให้แอสไพรินกับเด็กน้อยโดยเด็ดขาด เพราะจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเด็กเล็กค่ะ
แนะนำเครื่องทำความชื้นในอากาศคุณภาพดี
OSIM [Pre-Order] เครื่องทำความชื้น Mist Dream ราคา
| BEURER เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศ รุ่น LB 88 ราคา
|
XIAOMI เครื่องเพิ่มความชื้น รุ่น RZ300 ราคา | DEERMA เครื่องทำความชื้น รุ่น F329 ราคา 1, |
เชื้อไวรัส RSV เป็นเชื้อโรคที่มักเกิดในช่วงฤดูหนาว สำหรับคุณแม่มือใหม่ควรใส่ใจและสังเกตลูกน้อยในช่วงเวลานี้ เพราะสำหรับเด็กเล็ก อากาศหนาวเย็นอาจส่งผมต่อสุขภาพของเขา อีกอย่างหนึ่งคือ ไวรัส RSV นั้นติดต่อกันได้ ในหน้าหนาว หากคุณแม่พาลูกน้อยออกนอกบ้าน ต้องระวังให้ลูกน้อยใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา
หน้ากากอนามัยสำหรับเด็ก
GLOWY STAR หน้ากากอนามัยสำหรับเด็ก (50 ชิ้น) ราคา | MAMY POKO 3D Mask หน้ากากกันฝุ่นสำหรับเด็ก ราคา |
B2S Fresh Plus หน้ากากอนามัยสำหรับเด็ก ราคา | YAMADA หน้ากากอนามัยเด็ก รุ่น MS 4230 ZOO ราคา 75 บาท |
ระวังเรื่องความสะอาด และให้อยู่ห่างไกลคนที่ดูมีอาการเป็นหวัด เพราะเราไม่ทราบว่านั่นคือหวัดธรรมดา หรือเชื้อไวรัส RSV ยิ่งในช่วงนี้เชื้อโควิด-19 ยังระบาดอยู่ ยังไม่หายไปไหน พาลูกน้อยออกนอกบ้านต้องระวัง จับลูกแต่งตัวให้อบอุ่น และอยู่ให้ห่างไกลคนแปลกหน้าจะดีที่สุด ด้วยความรัก และความห่วงใยจาก Central Inspirer ค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก: healthline.com
Picture credit: pinterest.com