If-you-always-love-to-paint-your-nails-how-to-take-care-of-your-nail-health

7 วิธีดูแลสุขภาพเล็บสำหรับผู้ที่ชอบทาเล็บเป็นประจำ 2025

นอกจากการแต่งหน้าแต่งตา แต่งตัวสวยๆ แล้ว การทาเล็บสีสันสดใสก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สาวๆ นิยมชมชอบ ไม่ว่าจะเป็นการทาสีเล็บเองที่บ้าน หรือออไปทำเล็บสวยๆ ที่ร้าน ไม่ว่าจะเป็นการเพ้นท์เล็บธรรมดาๆ ด้วยสีหวานๆ หรือการทำเล็บเจล ทำเล็บอะคริลิค หรือประดับประดาเล็บด้วยไอเทมน่ารักๆ ที่ทำให้ดูเลอค่า มั่นในว่าสาวเกือบทุกคนชอบทำเล็บสวยๆ 

HANDS

การมีเล็บสีสวยๆ การทาเล็บบ่อยๆ มักจแลกมาด้วยสุขภาพเล็บที่ไม่ค่อยจะดี ไม่ว่าจะเป็นเล็บแห้ง เล็บฉีกง่าย หรือเล็บเหลือง บางคน เล็บเหลืองเสียจนคุณไม่กล้าจะพักเล็บ ไม่กล้าหยุดการทาเล็บไปเลย เพราะเล็บเหลืองๆ เล็บที่ดูไม่เฮลตี้ ทำให้คุณไม่มั่นใจ สาวหลายคนก็พลอยมีความจำเป็นต้องทาเล็บกันต่อไป พักเล็บไม่ได้ เพราะเล็บจริงเหลืองอ๋อย และดูสุขภาพเล็บไม่ดี

เล็บที่ดูสุขภาพไม่ดี ดูเหลืองจากการทาสีเล็บ หรือการทำเล็บในรูปแบบต่างๆ เกิดขึ้นจากสาเหตุใด เราสามารถดูแลสุขภาพเล็บของเราได้อย่างไรในเมื่อเราเป็นคนที่ชอบทาสีเล็บเป็นประจำ มาดูกันเลยค่ะ

ปัญหาสุขภาพเล็บเกิดขึ้นจากสาเหตุใด

หากคุณเป็นคนทาเล็บเป็นประจำ ไม่ว่าจะใช้ยาทาเล็บแบรนด์ชั้นนำที่มีสรรพคุณว่าไม่ทำให้เล็บเหลือง ไม่ทำร้ายเล็บของคุณ เล็บของคุณก็จะเหลืองแห้งอยู่ดี เล็บเหลือง เล็บแห้ง เล็บเปราะบางฉีกขาดง่ายเกิดจากสาเหตุใด มาดูกันค่ะ

1. ติดเชื้อรา (Fungal Infection)

FUNGAL INFECTION

ทาเล็บบ่อยๆ อาจทำให้เล็บเกิดติดเชื้อราได้ ซึ่งเชื้อราเหล่านี้เป็นผลทำให้เล็บเหลืองมีเชื่อรา เชื้อราที่เกิดขึ้นกับเล็บ หรือ Onychomycosis เกิดจากเชื้อราตัวที่เรียกว่า Dermatophyte ซึ่งสังเกตได้จากจุดขาวๆ หรือเหลืองๆ ที่เกิดขึ้นใต้เล็บ โดยเฉพาะคนที่ชอบทำเล็บแบบอะคริลิค หากคุณลบเล็บเอง และลบไม่ดีจะทำร้ายเนื้อเล็บของคุณ เพราะฉะนั้นหากไปทำเล็บอะคริลิคตามร้าน เวลาที่อยากจะลบ หรืออยากเปลี่ยนเล็บสวยๆ ใหม่ แนะนำให้ร้านทำเล็บจัดการให้ เพราะร้านทำเล็บน่าจะมีอุปกรณ์ที่ครบครันกว่า และเป็นมืออาชีพมากกว่าในการดูแลเล็บของเราค่ะ

2. เล็บแห้งขาดน้ำ (Dehydration)

DEHYDRATION

เล็บก็ไม่ต่างกับผิวพรรณ สามารถขาดน้ำได้เช่นกัน การที่เล็บของคุณมีสีเหลือง หรือมีสีที่เปลี่ยนไปอาจเป็นเพราะเล็บขาดน้ำจากการใช้สารเคมีบ่อยๆ เช่น น้ำยาล้างเล็บ ยิ่งทาสีเล็บบ่อย ยิ่งลบบ่อยๆ โอกาสในการที่เล็บแห้ง หรือขาดน้ำสามารถเกิดขึ้นได้ค่ะ

3. การเกิดคราบ (Stains)

STAINS

เล็บของคุณอาจเกิดคราบจากการทาสีเล็บบ่อยๆ แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับเล็บที่ไม่เคยทาสีเลย หากคุณเป็นสาวที่สูบบุหรี่ นิโคตินในบุหรี่สามารถทำให้เล็บคุณเกิดคราบจากการคีบบุหรี่บ่อยๆ ดังนั้นหากคุณรักสุขภาพ แถมอยากมีเล็บสวย เพลาๆ การสูบบุหรี่ค่ะ

4. โรคเบาหวาน (Diabetes)

DIABETES

ปัญหาเล็บเหลือง เล็บแห้ง เล็บเปราะ เล็บสุขภาพไม่ดีสามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน เนื่องจากภายในร่างกายมีน้ำตาลอยู่มาก จนเกิดไปรวมตัวเข้ากับคอลลาเจนและโปรตีนในเล็บ จึงทำให้เล็บเปลี่ยนจากสีชมพูเป็นสีเหลือง เล็บแห้ง ดูสุขภาพเล็บไม่ดี

5. ทาเล็บบ่อย

NAILS 1

การทาเล็บบ่อยจนเกินไป พร้อมการใช้ยาทาเล็บที่ไม่มีคุณภาพ ใช้ยาทาเล็บที่ไม่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดด หรือทาเล็บโดยไม่ได้รองพื้นเสียก่อน เหล่านี้ต่างก็ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เล็บเหลือง เล็บแห้ง และเล็บสุขภาพไม่ดีได้

เมื่อทราบถึงปัญหาของเล็บเหลือง เล็บสุขภาพไม่ดีแล้ว มาดูกันว่าเราสามารถดูแลรักษาเล็บของเราให้มีสุขภาพดี แก้ปัญหาเล็บเหลืองง่ายๆ ได้อย่างไร

วิธีดูแลสุขภาพเล็บสำหรับผู้ที่ชอบทาเล็บเป็นประจำ

1. ทีทรีออยล์ (Tea Tree Oil)

1 TEA TREE OIL

ทีทรีออยล์ คือ น้ำมันที่นำมาจากใบของต้นทีทรี (Tea Tree) ซึ่งเป็นต้นไม้ที่โตในพื้นที่บึงน้ำในแถบออสเตรเลียตะวันออกเฉียงใต้ หากเล็บของคุณเปลี่ยนสีจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา ทรีทีออยสามารถช่วยกำจัดการติดเชื้อเหล่านี้ได้ เพียงผสมน้ำมันทีทรีออยล์ 1-2 หยดกับน้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว หรือโจโจ้บาออยล์ประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ จากนั้นใช้สำลีก้อนจุ่มลงไปแล้วนำมาถูบริเวณเล็บที่ติดเชื้อ ทำแบบนี้บ่อยๆ อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ทีทรีออยล์และส่วนผสมของน้ำมันต่างๆ จะช่วยขจัดคราบต่างๆ และการติดเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราบนเล็บให้หมดไปได้เป็นอย่างดีค่ะ

2. น้ำเลมอน (Lemon Juice)

2 LEMON

อันที่จริงน้ำมะนาวไทย หรือ Lime เราก็ใช้ได้นะคะ เพียงบีบน้ำมะนาว หรือน้ำเลมอนสัก 2 ลูกลงในถ้วย จุ่มเล็บที่เหลือง หรือมีคราบต่างๆ ลงไป ใช้แปรงขัดเล็บ ขัดคราบเหล่านั้นสัก 3-5 นาที ความเปรี้ยว หรือ Citric Acid ของเลม่อน หรือมะนาวจะช่วยขจัดคราบเหลืองออกจากเล็บคุณได้ ทำบ่อยๆ ไม่นาน เล็บของคุณก็จะกลับมามีสุขภาพดีค่ะ

3. เบกกิ้งโซดา (Baking Soda)

3 BAKING SODA

นับเป็นไอเทมช่วยทำความสะอาดสารพัดประโยชน์ที่ทุกบ้านควรมีเก็บไว้ในห้องครัว นอกจากช่วยทำความสะอาด ยังช่วยดับกลิ่นเป็นอย่างดี เบกกิ้งโซดาสามารถช่วยกำจัดเชื้อราบนเล็บได้ ทั้งเล็บมือและเล็บเท้า เพียงแช่เล็บที่เกิดปัญหาในน้ำอุ่นที่ผสมด้วยเบกกิ้งโซดา สามารถช่วยหยุดการลุกลามของเชื้อราและแบคทีเรียบนเล็บได้ เบกกิ้งโซดาสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นด่าง เพียงคุณแช่เล็บไว้ในน้ำอุ่นที่ผสมเบกกิ้งโซดาบ่อยๆ อาทิตย์ละ 3-4 ครั้งจะช่วยให้เล็บของคุณใสสะอาดขึ้น

4. ออริกาโนออยล์ (Oregano Oil)

4 ORIGANO OIL

สำหรับในบ้านเราอาจไม่คุ้นชินในการมีออริกาโนออยล์ติดไว้ในครัวที่บ้าน ออริกาโนออยล์มีคุณสมบัติในการต้านจุลชีพ แบคทีเรีย และเชื้อราซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาสุขภาพได้ ด้วยวิธีเดียวกับทีทรีออยล์ เพียงผสมน้ำมันออริกาโน 1-2 หยดกับน้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว หรือโจโจ้บาออยล์ประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ จากนั้นใช้สำลีก้อนจุ่มลงไปแล้วนำมาถูบริเวณเล็บที่ติดเชื้อ ทำแบบนี้บ่อยๆ อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ออริกาโนออยล์และส่วนผสมของน้ำมันต่างๆ จะช่วยขจัดคราบต่างๆ และการติดเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราบนเล็บให้หมดไปได้ค่ะ

5. ยาสีฟัน (Toothpaste)

6 TOOTHPASTE

ยาสีฟันสามารถช่วยแก้ปัญหาสุขภาพเล็บ และเล็บเหลืองได้ เพียงบีบยาสีฟันเล็กน้อยลงบนเล็บ พอกทิ้งเอาไว้หรืออาจใช้แปรงสีฟันช่วยขัด วิธีนี้จะช่วยขจัดคราบเหลือกและช่วยให้เล็บขาวใสขึ้นได้ค่ะ

6. ไฮโดรเจน เพอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide)

7 HYDROGEN PEROXIDE

ไฮโดรเจน เพอร์ออกไซด์ หรือที่มีสูตรทางเคมีว่า H₂O₂ เป็นสารประกอบเพอร์ออกไซด์ที่มีสภาพเป็นของเหลวใสที่สามารถฟอกฟันให้ขาวได้เมื่อผสมกับเบกกิ้งโซดา ซึ่งเป็นส่วนผสมหลังในยาสีฟันที่ช่วยฟอกฟันขาว หรือ Whitening Toothpaste ไฮโดรเจน เพอร์ออกไซด์มีคุณสมบัติในการกำจัดคราบต่างๆ ซึ่งสามารถขจัดคราบเหลือง หรือคราบสีทาเล็บที่เข้มๆ เช่น สีแดง สีน้ำเงิน หรือสีดำบนเล็บของเราได้เช่นกันเพียงผสมไฮโดรเจน เพอร์ออกไซด์ครึ้งถ้วยในน้ำอุ่น 1 ถ้วย แช่เล็บไว้สัก 5-10 นาที จะให้ดียิ่งขึ้นผสมเบกกิ้งโซดาลงไป 1 ช้อนโต๊ะ ทำบ่อยๆ เล็บของคุณจะสะอาด ปราศจากคราบที่ไม่ต้องการค่ะ

6. น้ำยาฟอกขาว (Bleach)

8 BLEACH

น้ำยาฟอกขาวอย่างไฮเตอร์ หรือคลอร็อกซ์ สามารถช่วยขจัดคราบต่างๆ และคราบเหลืองบนเล็บได้ เพียงผสมน้ำยาฟอกขาว ½ ถ้วยกับน้ำเปล่า 1 ถ้วย แล้วใช้แปรงสีฟันเก่าๆ ขัดคราบต่างๆ ออกไปจากเล็บ เมื่อทำเสร็จต้องรีบล้างออกด้วยน้ำสะอาด และเช็ดให้แห้ง เพราะน้ำยาฟอกขาวสามารถกัดผิวหนังได้ค่ะ

7. วิตามินอี (Vitamin E)

9 VITAMIN E

เป็นที่ทราบกันดีว่าวิตามินอีจะช่วยสร้างความชุ่มชื้นและทำให้ผิวพรรณ และเส้นผมดูมีสุขภาพดี กับเล็บก็เช่นเดียวกันค่ะ วิตามินอีช่วยแก้ปัญหาสุขภาพ และช่วยขจัดเล็บเหลืองได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยให้ผิวหนังบริเวณเล็บนุ่ม ชุ่มชื้น ดูมีสุขภาพดีได้อีกด้วย เพียงนำวิตามินอีชนิดเหลวทาบริเวณเล็บเป็นประจำ หรือแม้แต่รับประทานวิตามินอีแบบเม็ดจาะช่วยให้เล็บแข็งแรง และมีสุขภาพดีขึ้นค่ะ

ครบถ้วนแล้วกับการดูแลเล็บง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้เองภายในบ้าน รักการทำเล็บ การทาเล็บบ่อยๆ ควรดูแลเล็บและมือของคุณด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลเล็บคุณภาพ และแฮนด์ครีมดีๆ นะคะ

 

เล็บสวยๆ เล็บแจ่มๆ เป็นความชอบและความรักของสาวๆ ทุกคน อย่าปล่อยให้เล็บสวยแต่ภายนอก แต่ต๊ะติ๊งโหน่งภายใน ไม่ดีต่อสุขภาพ แถมยังทำให้เราไม่มั่นใจ หันมาดูแลเล็บให้สวยและมีสุขภาพดีกันนะคะ


ขอบคุณข้อมูลจาก: healthline.com/ nailpro.com/ byrdie.com

Picture credit: pinterest.com