ปัจจุบันนี้สภาพอากาศของเมืองไทยบ้านเรามีความแปรปรวนสูง เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวฝนตก สภาพอากาศมีความไม่แน่นอน แต่สภาพอากาศส่วนใหญ่ที่ต้องเจอ คือ อากาศร้อนนั่นเอง ทำให้เราต้องหันมาหาตัวช่วยเพื่อทำให้อากาศร้อนกลายเป็นอากาศเย็นกัน ไม่ว่าจะเป็น แอร์ติดผนัง แอร์เคลื่อนที่ พัดลม พัดลมไอน้ำ พัดลมไอเย็น พัดลมแอร์ เป็นต้น ขั้นพื้นฐานที่ทุกบ้านต้องมี ก็คือ พัดลม ส่วนแอร์ยังเป็นตัวเสริมขึ้นมาอีกที อาจจะยังไม่จำเป็นสำหรับบางบ้าน ฉะนั้นพัดลมจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด สิ่งเหล่านี้จะช่วยปรับสภาพอากาศภายในบ้านของเราให้เย็นสบาย ทำให้คลายจากความร้อนได้ แต่ก่อนที่เราจะเลือกซื้อพัดลมชนิดต่างๆมาใช้นั้น เราต้องมาทำความรู้จักกันก่อนว่าพัดลมแต่ละประเภทเป็นอย่างไรและเหมาะสมกับการใช้งานแบบไหน ที่สำคัญมีการเก็บรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งานอย่างไรบ้าง
พัดลมธรรมดา – ก็จะเป็นพัดลมธรรมดาทั่วไป ตั้งพื้น ติดเพดาน ติดกำแพง มีหลายรูปแบบ แต่การทำงานก็จะมีแค่ใบพัดที่ใช้ในพัดลมให้อากาศภายในบ้านเย็นขึ้น ในรุ่นใหม่ๆก็จะมีรีโมตและระบบการตั้งเวลาเปิดและปิดเสริมเข้ามา พวกนี้จะมีราคาถูกตั้งแต่หลัก 100 ถึงหลัก 1,000 บาท
พัดลมไอน้ำ – จะทำงานโดยการพ่นละอองน้ำออกมาแล้วใช้พัดลมเป่าให้ละอองน้ำกระจายตัว พัดลมไอน้ำจึงเหมาะสมกับพื้นที่ที่ต้องการความชื้น เช่น โรงเพาะชำ คอนเสิร์ตต่างๆ หอประชุมโรงเรียน หรือพื้นที่โล่งแจ้ง แต่อาจจะไม่เหมาะกับที่อับ เช่น ภายในบ้านหรือโรงอาหาร เป็นต้น
พัดลมไอเย็น – คือ พัดลมที่ทำงานด้วยระบบ Evaporative Cooling System จะทำงานด้วยการดึงความร้อนของอากาศผ่านแผ่นทำความเย็น จนน้ำระเหยออก เหลือไว้เพียงอุณหภูมิที่ลดลง จึงทำให้พื้นที่โดยรอบรู้สึกเย็นสดชื่น โดยมีความชื้นในอากาศซึ่งเหมาะกับบ้านพักอาศัยมากกว่าพัดลมไอน้ำ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2,900 – 10,000 บาท
ด้วยความที่ชื่อเรียกมีความใกล้เคียงกันจึงทำให้บางท่านสับสนและคิดว่ามันคือพัดลมชนิดเดียวกัน ซึ่งจริงๆแล้วพัดลม 2 ประเภทนี้มีการใช้งานที่ต่างกัน พัดลมไอน้ำ จะทำงานโดยการพ่นละอองน้ำออกมาและใช้ลมเป็นตัวช่วยในการกระจายละอองน้ำไปในอากาศ ทำให้เกิดความเย็นจากละอองน้ำ แต่จะทำให้อากาศมีความชื้นและเปียกเล็กน้อย ส่วน พัดลมไอเย็น นั้น จะทำงานด้วยระบบ Evaporative Cooling System คือ การดึงความร้อนจากอากาศมาผ่านแผ่นทำความเย็นจนน้ำระเหยออก จึงทำให้อากาศภายในห้องหรือภายในตัวบ้านเย็นขึ้น จะมีความชื้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ข้อดีของพัดลมไอเย็น : สามรถลดอุณหภูมิได้ 4 – 10 องศาเซลเซียส ไม่มีละอองน้ำ ไม่ทำให้อับชื้น ได้ลมเย็นสดชื่นเหมือนลมธรรมชาติ ใช้ได้ทั้งในพื้นที่เปิดและปิด ใช้งานง่ายเคลื่อนย้ายสะดวก ประหยัดไฟ ประหยัดน้ำ มีการหมุนเวียนน้ำในระบบ บำรุงรักษาง่าย เสียค่าใช้จ่ายน้อย
ข้อเสียของพัดลมไอเย็น : ต้องคอยเติมน้ำจึงจะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากใช้งานในห้องปิดนานๆอาจจะทำให้เกิดกลิ่นอับได้ ต้องหมั่นทำความสะอาดช่องใส่น้ำและให้ความเย็นได้ไม่เท่าแอร์
- ถอดปลั๊กพัดลมออกก่อนเพื่อตัดกระแสไฟ
- ถอดแผ่น Cooling Pad ออกมาทำความสะอาดด้วยน้ำธรรมดาแรงดันต่ำ ห้ามใช้สารเคมีหรือผงซักฟองเด็ดขาด ควรทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
- ดึงแผ่น Filter ออกจากตัวเครื่อง แล้วล้างด้วยน้ำธรรมดา เช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่มหรือผึ่งให้แห้งในที่ร่ม ควรทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- ดึงปลั๊ก คลายสกูรส่วนบนตะแกรงแผ่น Cooling pad แล้วดึงแผงออก
- หมุนวาล์วน้ำทิ้งด้านตรงข้าม
- ล้างอ่างพักน้ำด้วยแปรงหรือผ้านุ่ม
- ล้างคราบสกปรกตัวเซ็นเซอร์ควบคุมระดับน้ำด้วยผ้าเปียก
- ล้างคราบสกปรกที่ตัวปั๊มน้ำและแผงใส่แผ่น Filter
- ล้างตัวตู้ด้วยผ้านุ่มปานกลางหรือมาก ห้ามใช้แปรงขนแข็ง
- ห้ามใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฟอง น้ำยาที่มีส่วนผสมของสารละลายที่ระเหยได้เอง
ได้รู้จักพัดลมชนิดต่างๆ และความแตกต่างของพัดลมแต่ละชนิดไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น พัดลมธรรมดา พัดลมไอน้ำและพัดลมไอเย็น หากบ้านไหนกำลังมองหาพัดลมดีๆอยู่สักตัว อย่าลืมเอาข้อมูลข้างต้นไปประกอบการตัดสินใจกันดูนะจ๊ะ ลองเลือกดูว่า พัดลมไอเย็น เหมาะกับการใช้งานของคุณหรือไม่ เมื่อได้มาแล้วสิ่งที่ตามมาคือการดูแลรักษา เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดถ้ารับการดูแลรักษาอย่างดีก็จะยืดอายุการใช้งานทำให้ของอยู่กับเราไปได้นาน และที่สำคัญต้องรู้วิธีดูแลรักษาที่ถูกต้องด้วย ถ้าเราทำความสะอาดผิดวิธีจะเป็นสาเหตุของความเสียหายต่ออุปกรณ์และตัวเครื่องได้ ที่สำคัญการรับประกันไม่ครอบคลุมถึงความเสียหายดังกล่าว ควรทำตามเอกสารแนะนำการใช้หรือตามที่พนักงานแนะนำมา