การทำศัลยกรรมความงามดูเหมือนจะเป็นอีกทิศทางที่ผู้หญิงสมัยนี้นิยมทำกัน การทำศัลยกรรมช่วยเสริมให้ใบหน้าดูงดงาม ดูเพอร์เฟ็คตามที่สาวๆ ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำเสริมดั้ง จัดรูปหน้า ทำตาสองชั้น หรือการดูผิวพรรณให้เรียบเนียน ขาวใส สาวไทยเดินเข้าออกคลินิกศัลยกรรม พบแพทย์ผิวหนัง หรือสถานเสริมความงามกันเป็นว่าเล่น สมัยนี้ เทคนิคในการทำศัลยกรรม และการดูแลผิวพรรณก็แอดวานซ์ไปมาก มีทั้งเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ และเทคนิคใหม่ๆ ที่ช่วยเติมความงามให้กับหญิงสาวได้อย่างปลอดภัย และสวยเป๊ะไม่มีที่ติ
เดี๋ยวนี้เทรนด์การเติมริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มนั้นกำลังมาแรงในหมูเซเลบสาวๆ ชาวฮอลลีวูด ไม่ว่าจะเป็น สาวๆ จากครอบครัวคาร์แดเชี่ยน Kim Kardashian, Kylie Jenner, Kendall Jenner, Blake Lively, Ellie Goulding, Rumer Willis และอีกมากมายหลายคนที่เคยมีริมฝีปากบาง กลับมามีริมฝีปากดูอวบอิ่มด้วยวิธีการเติมริมฝีปากด้วยเทคนิค “Lip Tenting” วิธีการเสริมความงามให้ริมฝีปากดูสวยฟู ดูน่าจุ๊ปนี้มันเป็นอย่างไร ฉีดแล้วจะทำให้ริมฝีปากอวบอิ่มได้นานแค่ไหน และมีความเสี่ยงอย่างไร มาดูกันเลยค่ะ
“Lip Tenting” คืออะไร
Lip Tenting คือ เทคนิคการเติมริมฝีปากด้วยการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นการฉีดเนื้อเยื่ออ่อน หรือ Hyaluronic Acid เติมเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังเพื่อช่วยเติมเต็มริ้วรอย และคืนความเรียบเนียนให้ผิวพรรณบริเวณนั้นๆ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์วิธีนี้ แตกต่างจากวิธีการเติมริมฝีปากโดยทั่วไปซึ่งจะฉีดฟิลเลอร์ในแนวนอน แต่การทำ Lip Tenting จะฉีดฟิลเลอร์ในแนวตั้งซึ่งจะทำให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ทำให้ริมฝีปากดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ช่วยสร้างรูปร่างให้ปากดูสวย อวบอิ่ม โดยการฉีดฟิลเลอร์จำนวนน้อยๆ เป็นจุดๆ ทั่วริมฝีปาก วิธีนี้จะไม่ทำให้เกิดการเกาะตัวเป็นก้อนๆ ของฟิลเลอร์ใต้ผิวหนัง
การทำ Lip Tenting จะเป็นการจิ้มเข็มที่มีฟิลเลอร์ลงไปหลายๆ รอบริมฝีปาก ขึงให้เหมือนการกางเต้น ทุกเข็มเสมือนการวางเสาเต้นท์หรือ Tent Pole เพื่อให้การกางตึงเป๊ะ ไม่มีปัญหาเรื่องความเรียบเนียนอย่างเด็ดขาด
การฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิคนี้ อาจใช้เข็มฉีดยา หรือท่อเล็กๆ ที่เรียกว่า Cannula ฉีดเข้าไปบริเวณริมฝีปาก จะฉีดน้อย หรือมากขึ้นอยู่กับความต้องการของสาวๆ ว่าต้องการเติมริมฝีปากบางๆ ให้ดูอวบอิ่ม และเรียบเนียนขึ้น หรือต้องการให้ริมฝีปากดูหนา ชุ่มชื้น และดูน่าจูบมากขึ้น แล้วแต่สาวๆ เลยค่ะ
“Lip Tenting” อยู่ได้นานแค่ไหน
การทำ Lip Tenting มีข้อบกพร่องน้อยมาก ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เหมือนกางเต้นท์แบบนี้ โอกาสที่ริมฝีปากจะมีก้อนแข็ง โหนกนูนและไม่เรียบเสมอกันนั้นเกิดขึ้นได้ยากมาก เรียกว่าสาวท่านไหนที่ทำ Lip Tenting ไม่ต้องกลับมาหาคุณหมอเพื่อแก้ไขเลย ดังนั้นการทำ Lip Tenting จึงทำให้ริมฝีปากของคุณดูอวบอิ่มและอยู่ได้นาน 12-18 เดือนเลยทีเดียว เรียกว่าหาคุณหมอครั้งเดียวเกินคุ้ม แต่อาจแวะมาให้คุณหมอเช็คผลงานได้ในช่วง 6-9 เดือนค่ะ
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการทำ “Lip Tenting”
เนื่องจากเทคนิคการทำ Lip Tenting ต้องใช้การฉีดฟิลเลอร์จุดเล็กๆ รอบๆ ริมฝีปาก แน่นอนคุณจะเจ็บเหมือนถูกมดกัดหลายครั้งสักหน่อย ซึ่งหลังการทำอาจเกิดริ้วรอย และอาการริมฝีปากช้ำสักนิด อาจทำให้คุณรู้สึกปวดนิดๆ แต่ไม่มีผลร้ายต่อสุขภาพ หากคุณเลือกทำ Lip Tenting กับคลินิกที่ขาดประสบการณ์ด้านนี้ อุปกรณ์ที่ใช้ไม่ได้คุณภาพ อาจก่อให้เกิดก้อนแข็งๆ จากการฉีดฟิลเลอร์ในจำนวนโดสที่ไม่เท่ากัน และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ
ถึงแม้ว่าคุณจะไม่มีริมฝีปากอวบอิ่มด้วยการทำ Lip tenting ในวันนี้ แต่การดูแลผิวบริเวณริมฝีปากให้ดูชุ่มชื้น อิ่มน้ำ เรียบเนียน และแลดูมีสุขภาพดี คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยการทาลิปบาล์มทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง รวมทั้งก่อนนอน เพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องริมฝีปากแห้งซึ่งอาจเกิดจากการแพ้ลิปสติกได้
แนะนำลิปบาล์มคุณภาพ น่าใช้
LA MER The Lip Balm ขนาด 9 มล.
ราคา 3,700 บาท พิเศษ 3,330 บาท (SAVE 10%)
CLÉ DE PEAU BEAUTÉ ลิป Glorifier N ขนาด 2.8 กรัม
ราคา 1,350 บาท
ESTÉE LAUDER ลิตภัณฑ์บำรุงริมฝีปาก Pure Color Envy Color Replenish Lip Balm ขนาด 3.2 กรัม
ราคา 1,350 บาท พิเศษ 1,215 บาท (SAVE 10%)
BOBBI BROWN ลิปบาล์ม Lip Balm SPF 15 ขนาด 15 กรัม
ราคา 945 บาท
KIEHL’S ผลิตภัณฑ์บำรุงริมฝีปาก Facial Fuel No-Shine Moisturizing Lip Balm ขนาด 4.4 กรัม
ราคา 495 บาท
BURT’S BEES ลิปบาล์ม สูตรไฮโปอัลเลอร์เจนิค ขนาด 4.25 กรัม
ราคา 380 บาท
ในปัจจุบัน คลินิกเสริมความงาม แพทย์ผิวหนัง และการทำศัลยกรรมความงามในเมืองไทยนั้นก้าวหน้าไปมาก มีคลินิกเสริมความงามคุณภาพมากมายที่มีเทคนิคการเติมริมฝีปากแบบ Lip Tenting ให้สาวๆ ได้ทดลองเติมความอวบอิ่ม โดดเด่น และน่าจุมพิตให้กับริมฝีปากของคุณ ศึกษาให้ดีก่อนการทำ เพื่อให้คุณมีริมฝีปากที่เต่งตึง ชุ่มชื้น ทาลิปสติกได้สวยเหมือนดาราสาวฮอลลีวูดค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก: popsugar.com/pubmed.ncbi.nlm.nih.gov
Picture credit: heatworld.com/pinterest.com/ popsugar.com