เข้าสู่ช่วงหน้าร้อนกันแล้ว มาดามเชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะกำลังมองหาสิ่งที่ปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “ครีมกันแดด” นั่นเอง โดยเจ้าสกินแคร์ชิ้นนี้นั้นมีหลากหลายแบบให้เราเลือกเลย ดังนั้น จึงทำให้หลายคนเกิดความสับสนว่าจะต้องเลือกครีมกันแดดแบบไหนดี ที่จะมีประสิทธิภาพกับผิวเรามากที่สุด มาดามจึงนำเคล็ดลับในเรื่องนี้มาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ตามมาดามมาดูกันเลย!!
1. เลือกครีมกันแดดที่ปกป้องผิวได้อย่างครอบคลุม
จะเลือกครีมกันแดดทั้งที สิ่งแรกที่ต้องโฟกัสเลยคือคุณสมบัติในการปกป้องผิวคุณจากแสงแดด ควรจะปกป้องคุณจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีสังเกตนั้นง่ายมากๆ ให้สังเกตภาษาอังกฤษบนขวด ถ้ามีคำว่า
- PA แสดงว่ามีคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากรังสี UVA (สาเหตุของการเกิดมะเร็งผิวหนัง และทำลายชั้นผิว)
- SPF แสดงว่ามีคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากรังสี UVB (เกี่ยวกับผิวไหม้)
อย่าลืมสังเกตกันทุกครั้งล่ะ!! อย่าหาว่ามาดามไม่บอกนะ
2. เลือกค่า SPF และ PA ให้เหมาะกับชีวิตประจำวันมากที่สุด
ต่อจากข้อแรก พอได้อ่านหลายๆ คนน่าจะคิดว่าการเลือก SPF สูงๆ ไปเลยจะดีที่สุด แต่มาดามไม่แนะนำอย่างนั้นนะ เพราะมันจะทำให้ครีมกันแดดที่เลือกมา ไม่ตรงกับสิ่งที่ต้องการนำมาใช้งาน เอาเข้าจริงๆ แล้ว SPF 30 ขึ้นไป ประสิทธิภาพก็แทบไม่แตกต่างกันเลยสักนิด แถมยังเกิดผลเสีย ถ้าครีมกันแดดมี SPF สูงเกินไป จะทำให้เหนียวเหนอะหนะ ระคายเคือง แถมยังทำให้ผิวแพ้ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย โดยเจ้าค่า SPF เนี่ยยิ่งสูงก็จะยิ่งทำให้ผิวทนแสงแดดได้นานขึ้น โดยสามารถคำนวณได้ง่ายๆ ด้วยการเอาค่า SPF X 15 ก็จะได้เป็นระยะเวลา (นาที) ออกมาเช่น 50 SPF x 15 ก็จะได้เท่ากับ 750 นาที หรือเท่ากับราวๆ 12 ชั่วโมงนั่นเอง แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วพอครีมกันแดดโดนเหงื่อและมลภาวะคุณภาพจะลดลงไปเรื่อยๆ ดังนั้น ควรจะเติมระหว่างวันทุกๆ 2-3 ชั่วโมงนะ
ส่วนทางด้าน PA คือค่าที่บอกว่าสามารถกันแดดแรงได้มากน้อยแค่ไหน ดังนี
- PA+ => เบาที่สุด ปกป้องผิวจากความหมองคล้ำได้มากกว่าผิวปกติ 2-4 เท่า เหมาะใช้ในห้อง หรือไม่ได้ออกไปเจอแสงแดด
- PA++ => อยู่ระดับกลางๆ ปกป้องผิวจากความหมองคล้ำได้มากกว่าผิวปกติ 4-8 เท่า เหมาะกับสายทำงานออฟฟิศหรือ Work From Home
- PA+++ => อยู่ในระดับสูง ปกป้องผิวจากความหมองคล้ำได้มากกว่าผิวปกติ 8-16 เท่า เหมาะสำหรับคนที่ต้องโดนแดดนานประมาณนึง ออกไปเดินช้อปปิ้ง ไปเที่ยว ต้องเลือกแบบนี้
- PA++++ => นี่คือระดับสูงสุด ปกป้องผิวจากความหมองคล้ำได้มากกว่าผิวปกติ มากกว่า 16 เท่า เหมาะกับคนที่ต้องทำกิจกรรมหรือกีฬากลางแจ้งเป็นเวลานานๆ
ลองเปรียบเทียบตามนี้ แล้วคุณก็จะได้ครีมกันแดดที่เหมาะสมกับคุณที่สุด
3. ดูส่วนผสมก่อนทุกครั้งว่าส่งผลเสียต่อผิวหรือไม่
นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ก่อนเลือกซื้อครีมกันแดดทุกครั้ง ต้องดูก่อนเสมอว่าส่วนผสมเป็นอย่างไร ถ้ามีส่วนผสมดังนี้ ห้ามนำมาลองเลย
- สารกันบูด น้ำหอม – อันนี้ห้ามเลย เพราะจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่าย
- แอลกอฮอลล์ – ทำให้ผิวแห้ง
- ลาโนลิน (Lanolin), พีจี หรือโพรพิลิน ไกลคอล (Propylene Glycol) – ทำให้เกิดสิวอุดตัน จากผิวคล้ำ กลายเป็นหน้ามีปัญหาเพิ่มไปอีก ไม่คุ้มสุดๆ
4. เลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิว
การเลือกครีมกันแดดนั้นควรจะเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองด้วย โดยวิธีการนั้นง่ายมากๆ เพียงเลือก “เนื้อสัมผัส” ของครีมกันแดดก็เพียงพอแล้ว ดังนี้
- ผิวธรรมดา ผิวแห้ง – เหมาะกับครีมกันแดดเนื้อครีม ที่มีส่วนช่วยให้ผิวชุ่มชื่น
- ผิวมันและผิวผสม ผิวแพ้ง่าย – เหมาะกับครีมกันแดดเนื้อเจล และน้ำนม เพราะซึมซาบไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ เบางเบา
นอกจากกันแดดแบบเนื้อเจลและครีมแล้วยังมี กันแดดแบบสเปรย์และกันแดดแบบแท่งอีกด้วย จะเหมาะสำหรับคนที่เน้นพกพาไปเติมระหว่างวัน
TIPS: สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย – ควรจะใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมไททาเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) หรือซิงก์ออกไซด์ (Zinc Oxide) เพราะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ยากในนั่นเอง และหลีกเลี่ยงครีมกันแดดที่ผสมกรดพาราอะมิโนเบนโซอิก (Para-Aminobenzoic Acid: PABA) หรือกรดพาบา หรือผสมเบนโซฟีโนน (Benzephenones) เช่น ไดออกซิเบนโซน(Dioxybenzone) ออกซิเบนโซน (Oxybenzone) หรือซอลลิเบนโซน (Sulisobenzone) รวมไปถึงแอลกอฮอล์ น้ำหอม และวัตถุกันเสีย เพราะเป็นส่วนผสมที่ไม่ดีต่อผิวมากๆ ดังที่มาดามกล่าวไปแล้วในข้อที่ 3
5. ทดสอบให้ชัวร์ว่าเราไม่แพ้ครีมกันแดดขวดนั้น
อันนี้เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ก่อนที่จะซื้อครีมกันแดด ควรจะขอขนาดทดลองจากทางร้านมาทดสอบลงบนผิวของเราเสียยก่อนว่าแพ้ไหม ใช้แล้วรอดหรือเปล่า โดยวิธีนั้นง่ายมากๆ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้
- ระยะสั้น – ให้ทาครีมกันแดดไว้ใต้ท้องแขน 15 นาที แล้วดูว่ามีผิดอาการปกติหรือไม่ อาทิ บวม แดง ร้อน คัน ถ้าหากมีก็ไม่ควรนำมาใช้
- ระยะยาว – เป็นการทาที่ใต้ท้องแขนเช่นกัน แต่ให้ทาทิ้งไว้ไม่ต้องล้างออก 48-72 ชั่วโมง ถ้หากมีอาการผิดปกติก็ไม่ควรนำมาใช้เช่นกัน
6. ทดลองใช้ก่อนว่าเหนียว เหนอะหนะ หรือไม่
อย่างสุดท้าย อาจจะไม่ได้มีความสำคัญอะไรมาก แต่มาดามเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากจะใช้ครีมกันแดดที่เหนียวเหนอะหรอกนะ ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ควรทดลองทาลงบนผิว และเกลี่ยให้เรียบร้อย ดูว่าเหนอะหนะขนาดไหน
ครีมกันแดดสุดปังที่คุณพลาดไมได้
ก่อนจากกันไปในครั้งนี้ มาดามก็มีครีมกันแดดสุดปังที่คุณไม่ควรพลาดมาฝากกันด้วย ดังนี้
La Roche-Posay | ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า Anthelios age correct SPF 50 50 มล.
PRICE: 1,400 999 THB (SAVE 10%)
CLARINS | ผลิตภัณฑ์กันแดดกันแดด UV Plus Anti-Pollution SPF50/Pa+++ 30 มล.
PRICE: 1,990 1,890 THB (SAVE 5%)
KIEHL’S | ครีมกันแดด Ultra-Light Daily UV Defense SPF 50 PA++++ Anti-Pollution ปริมาณ 60 มล.
PRICE: 2,250 2,025 THB (SAVE 10%)
CLÉ DE PEAU BEAUTÉ | ครีมกันแดด CPB UV PRTCTVE CREAM SPF50
PRICE: 4,500 4,050 THB (SAVE 10%)
LA MER | The SPF50 UV Protecting Fluid PA+++ 50 ml
PRICE: 4,750 4,275 THB (SAVE 10%)
และนี่ก็คือทั้งหมดที่มาดามนำมาฝากคุณในครั้งนี้หวังว่าจะได้รับสาระดีๆ และเลือกซื้อครีมกันแดดที่ใช่กับผิวตัวเองได้แล้วทุกคนนะ สำหรับใครที่อยากไปช้อปปิ้งกันต่อ สามารถไปช้อปกันต่อได้เลยที่ Central Online แหล่งรวมสินค้าพรีเมี่ยมที่มีให้คุณเลือกอย่างหลากหลาย