ในบรรดาเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หากไม่นับแชมเปญ ไวน์ดูจะเป็นเครื่องดื่มที่ทรงคุณค่า หรูหรามีระดับ และเป็นที่นิยมดื่มอย่าแพร่หลาย การดื่มไวน์เป็นวัฒนธรรมของชาวตะวันตที่นิยมกันไปทั่วโลก รวมทั้งคนไทยเราก็นิยมดื่มไวน์เช่นกัน ไวน์มีหลากหลายระดับ ทั้งไวน์ที่มีราคาแพง และราคาที่สามารถหาซื้อมาดื่มได้
วันนี้ Central Inspirer อยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับไวน์แดง&ไวน์ขาวว่าไวน์ทั้งสองประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร รสชาติเป็นอย่างไร ควรจับคู่ไวน์แดงและไวน์ขาวกับอาหารประเภทใด พร้อมมาทำความรู้จักกับ 10 คุณประโยชน์ของการดื่มไวน์ที่คุณอาจไม่เคยรู้
ไวน์แดง&ไวน์ขาวต่างกันอย่างไร
ไวน์แดงและไวน์ขาวผลิตจากองุ่นคนละสายพันธุ์ ซึ่งนับเป็นข้อแตกต่างที่สำคัญที่สุดในการแยกประเภทของไวน์ ไวน์แดงนั้นนิยมผลิตจากองุ่นแดงสายพันธุ์ Pinot Noir, Merlot Cabernet Sauvignon, Zinfandel, และ Syrah ในขณะที่ไวน์ขาวผลิตจากองุ่นสายพันธุ์ Sauvignon Blanc, Chardonnay, Pinot Grigio, Riesling, และ Sémillon ที่น่าสนใจคือ แม้ว่าองุ่นที่นำมาทำไวน์แดง และไวน์ขาวจะเป็นองุ่นต่างสายพันธุ์ แต่ก็มีข้อมูลจากการค้นคว้าพบว่าองุ่นต่างๆ ที่นำมาผลิตไวน์นั้นกลายพันธุ์มาจากองุ่นดำสายพันธุ์ Vitis Vinifera ที่เป็นต้นกำเนิดของสายพันธุ์องุ่นแดง และองุ่นขาว
รสชาติของไวน์แดง&ไวน์ขาว
เพราะไวน์แดงและไวน์ขาวผลิตด้วยกรรมวิธีที่แตกต่างกันจึงทำให้รสชาติของไวน์ทั้งสองประเภทมีความแตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน ไวน์ขาวจะมีรสชาติที่ซาบซ่า มีรสปรี้ยวหวานนำ มีความฝาดน้อย มีสีใส ดื่มแล้วสดชื่นลื่นคอด้วยรสชาติที่เบาบาง ในขณะที่ไวน์แดงจะมีความเข้มข้นในเนื้อไวน์ที่หนักขึ้นรวมถึงมี Tannin หรือความฝาดที่มากกว่าไวน์ขาว ไวน์แดงมีรสฝาดนำ มึความเปรี้ยวหวานซ่อนใน เมื่อดื่มแล้วจะมีเนื้อมีหนัง เต็มปากเต็มคำมากกว่าไวน์ขาว
การจับคู่ไวน์กับอาหาร
ทั้งไวน์แดง&ไวน์ขาวล้วนเหมาะกับการรับประทานอาหารในประเภทที่แตกต่างกัน มาดูกันว่าไวน์ทั้งคู่นี้เหมาะกับอาหารประเภทใด
ไวน์แดง
เป็นไวน์ประเภทที่เหมาะกับอาหารประเภทที่ทำจากเนื้อสัตว์ใหญ่ และเนื้อแดง เพราะความฝาดของไวน์แดงจะไปตัดความมันที่ปนในเนื้อสัตว์ไม่ให้รู้สึกเลี่ยน แต่ไม่เหมาะกับอาหารรสเผ็ด เพราะความฝาดของไวน์จะเปลี่ยนให้เป็นรสขม และไวน์แดงไม่เข้ากับอาหารทะเล เพราะความฝาดของไวน์แดงจะดันกลิ่นคาวที่ออกมา อีกทั้งการเลือกไวน์แดงในการดื่มคู่กับอาหาร ควรดูความหนักและเบาจากบอดี้ (Body) ของไวน์ประกอบกับประเภทของอาหาร หากเป็นไวน์แดงแบบไลท์บอดี้ (Light Body) ควรจับคู่กับผักย่าง เนื้อไก่ หรือเป็ด ไวน์แดงแบบมีเดียมบอดี้ (Medium Body) และฟูลบอดี้ (Full Body) เข้ากันได้ดีกับอาหารจานเนื้อ เช่น สเต๊ก แฮมเบอร์เกอร์ หรือเนื้อรมควัน เป็นต้น
ไวน์ขาว
ตรงกันข้ามกับไวน์แดง ไวน์ขาวเข้ากันได้ดีกับอาหารรสชาติเผ็ด เปรี้ยว และอาหารทะเล ไวน์ขาวจะเสิร์ฟในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าไวน์แดง ความเย็นและรสเปรี้ยวของไวน์ขาว สร้างความสดชื่นให้กับการดื่มกิน ช่วยตัดรสเผ็ดและกลิ่นคาวของอาหารทะเลได้ อาหารที่มักจะนำมาจับคู่รับประทานกับไวน์ขาว ได้แก่ ชีสเนื้อนุ่ม (Soft Cheese) ขนมปังขาว เนื้อปลา อาหารทะเล และสลัด เป็นต้น
ควรดื่มไวน์อย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ
การดื่มไวน์แม้จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง แต่หากดื่มในปริมาณที่มากเกินไปจะก่อให้เกิดโทษได้เช่นกัน ดังนั้นควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะถึงจะเกิดประโยชน์ และปริมาณที่แนะนําคือ ผู้ชายควรดื่มไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน หรือประมาณ 250 – 300 มิลลิลิตร ผู้หญิงไม่เกิน 1 แก้วต่อวัน หรือประมาณ 125 – 150 มิลลิลิตร โดยปริมาณบริโภคต่อแก้วนั้นจะขึ้นอยู่กับปริมาณแอลกอฮอล์ ยิ่งแอลกอฮอล์สูง ปริมาณการดื่มก็ควรจะลดลง
ทำความรู้จัก 10 คุณประโยชน์ของการดื่มไวน์
1. ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
สมาคมโรคหัวใจในประเทศอังกฤษระบุว่า การดื่มไวน์ในปริมาณที่พอเหมาะนั้นดีต่อสุขภาพ จากการศึกษาพบว่าการดื่มไวน์วันละ 1-2 แก้ว ช่วยป้องกันอาการหัวใจวายได้ แต่ในทางตรงข้ามการดื่มไวน์ในปริมาณมากๆ กลับเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ และหลอดเลือดได้
2. ลดและป้องกันการเกิดมะเร็ง
สารเรสเวอราทรอล (Resveratrol) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งซึ่งพบได้ในองุ่น ราสเบอร์รี ถั่วลิสง และพืชอื่นๆ มีหลักฐานพบว่า เรสเวราทรอลนั้นสามารถช่วยลดอนุมูลอิสระและลดอัตราการเกิดมะเร็งในสัตว์ทดลอง รวมทั้งลดการเจริญเติบโตของมะเร็งในถาดเพาะเชื้อได้ อีกทั้งยังช่วยลดสารเอ็นเอฟ แคปปา บี (NF Kappa B) ซึ่งเป็นโปรตีนที่สร้างโดยระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกกระตุ้นอีกด้วย จึงสรุปได้ว่าการดื่มไวน์ในปริมาณที่เหมาะสมสามารถต้านโรคมะเร็งได้
3. ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์
สถาบันการแพทย์ Erasmus Medical Center ประเทศเนเธอร์แลนด์ เผยแพร่งานวิจัยภายใต้หัวข้อ Alcohol Consumption and the Risk of Dementia : The Rotterdam Study พบว่าการดื่มไวน์ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ และพาร์คินสันได้ จากงานวิจัยร่วมของสถาบันวิทยาศาสตร์โภชนาการและอาหารในสเปน อังกฤษ และสหรัฐฯ พบว่าการดื่มไวน์วันละ 1 แก้ว ร่างกายจะได้รับสารเรสเวอราทรอล ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ประสาทไม่ให้เสื่อมหรือถูกทำลาย ลดความเสี่ยงการเป็นอัลไซเมอร์ และโรคทางระบบประสาทอื่นๆ ได้
4. ช่วยป้องกันไข้หวัด
ส่วนประกอบที่มีอยู่ในไวน์ช่วยป้องกันอาการของไข้หวัดได้ จากผลการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัย 5 แห่งในยุโรปที่ทำการทดลองในอาสาสมัครกว่า 4,000 คน ในระยะเวลา 1 ปี พบว่าผู้ที่ดื่มไวน์ โดยเฉพาะไวน์แดงประมาณ 2 แก้วต่อวัน จะมีโอกาสเป็นไข้หวัดได้น้อยกว่าผู้ที่ไม่ดื่มไวน์ถึงร้อยละ 44 เพียงดื่มไวน์ 1 แก้วต่อวันก็สามารถสร้างภูมิคุ้มกันโรคหวัดได้แล้ว อีกทั้งการวิจัยของศูนย์โรคหวัดแห่งมหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ (Cardiff University) ประเทศเวลส์ มีรายงานว่า คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ หรือสารแอนตี้ออกซิแดนท์ในไวน์อาจสามารถป้องกันการเกิดโรคหวัดได้
5. ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
ประโยชน์ของไวน์ โดยเฉพาะไวน์แดงที่มีแทนนิน (Tannin) หรือความฝาด มีสารบางชนิดที่ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ซึ่งคอเลสเตอรอลเมื่ออยู่ในเส้นเลือดนานๆ จะทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงหัวใจได้ไม่สะดวก โดยเฉพาะกับคนที่มีน้ำหนักมาก
6. ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุและโรคเกี่ยวกับเหงือก
จากรายงานของวารสาร American Journal of Agriculture and Food Industry ได้กล่าวว่านักวิจัยจากมหาวิทยาลัยปาเวีย ประเทศอิตาลี เปิดเผยผลของการดื่มไวน์แดง&ไวน์ขาววันละ 1 แก้วเป็นประจำ จะช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเกิดฟันผุ และโรคเกี่ยวกับเหงือกได้ เพราะไวน์มีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดฟันผุ ส่วนผสมของไวน์ยังช่วยสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียชื่อ Streptococcus Pyogenes ที่อาศัยอยู่ในช่องทางเดินหายใจที่ก่อให้เกิดอาการเจ็บคอและมีอาการเป็นไข้ได้อีกด้วย
7. ช่วยในการย่อย
อาหารประเภททอด และอาหารแปรรูปจะมีสาร Malonaldehydes ซึ่งสารเหล่านี้ส่งผลร้ายต่อระบบทางเดินอาหารให้แก่ร่างกาย มีการศึกษาพบว่าการดื่มไวน์ โดยเฉพาะไวน์แดงกับอาหารดังกล่าวจะช่วยลบล้างสารเหล่านี้ได้ถึงร้อยละ 60-70 ดังนั้น ไวน์จึงมีความสามารถในการช่วยการทำลายสารเหล่านี้และมีประโยชน์ในการย่อยอาหาร
8. ช่วยชะลอความสูงวัย
นักวิจัยจากประเทศสเปนแนะนำว่าการดื่มไวน์อาจช่วยชลอความสูงวัย หรือความแก่ หลังจากพบสารเมลาโทนินในผิวขององุ่น รวมทั้งอาหารอีกหลายชนิด เช่น ข้าว หอมหัวใหญ่ และลูกเชอร์รี่ เป็นต้น การดื่มไวน์สามารถป้องกันเซลล์จากการถถูกทำลายตามอายุไขที่เพิ่มขึ้น ทำให้ร่างกายกระฉับกระเฉง คล่องแคล่ว และกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น
9. ช่วยลดริ้วรอย
ไวน์ โดยเฉพาะไวน์แดงมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งสารเหล่านี้จะช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ช่วยชะลอความชราและความสูงวัย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยมีคำแนะนำว่าหากอยากลดริ้วรอย ควรเริ่มดื่มไวน์งตั้งแต่อายุ 30 ปีเป็นต้นไป
10. ช่วยลดและคลายความเครียด
ไวน์ช่วยบรรเทาความเครียดได้ ในไวน์มีสารบางตัวที่ออกฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาทอ่อนๆ ช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย จึงช่วยลดความเครียดหรือคลายกังวล รวมทั้งช่วยให้นอนหลับพักผ่อนได้อย่างสบาย และยาวนานขึ้น
เมื่อทราบถึงคุณประโยชน์ของการดื่มไวน์แล้ว เพื่อเพิ่มสุนทรีในการดื่มไวน์ ควรมีแก้วไวน์ และตู้แช่ไวน์ และอุปกรณ์การดื่มไวน์คุณภาพที่ช่วยให้การดื่มไวน์ในทุกวัน หรือในการสังสรรค์กับผู้ที่มีรสนิยมในการดื่มไวน์ด้วยกันเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ดี เลือกอุปกรณ์ในการดื่มไวน์ชั้นดีจาก Central App
อุปกรณ์เพิ่มสุนทรีในการดื่มไวน์
SCHOTT ZWIESEL แก้วคริสตัล รุ่น Prizma Red Wine ขนาด 1 22.3 ออนซ์
ราคา 800 บาท
BORMIOLI แก้วไวน์ขาว อินนอลโต้ อูโน่ รุ่น INNOLTOWH470 ขนาด 470 มล.
ราคา 165 บาท
FINAL TOUCH ชุดเหยือกใส่ไวน์ รุ่น WDA934
ราคา 4,990 บาท พิเศษ 3,790 บาท (SAVE 24%)
IBILI ที่ดูดสูญญากาศสำหรับปิดขวดไวน์ รุ่น 695032
ราคา 595 บาท พิเศษ 506 บาท (SAVE 15%)
KOALA ชุดที่เปิดไวน์ รุ่น 969854
ราคา 995 บาท พิเศษ 695 บาท (SAVE 30%)
BARCRAFT กระบอกเก็บความเย็นไวน์ รุ่น BCLLDWCOOL
ราคา 1,790 บาท พิเศษ 1,390 บาท (SAVE 22%)
FINAL TOUCH ชั้นวางขวดไวน์ 12 ขวด รุ่น FTR0124 สีน้ำตาล
ราคา 3,990 บาท
DOMETIC ตู้แช่ไวน์ รุ่น C50G สีดำ
ราคา 57,000 บาท
สำหรับคอไวน์ เรื่องที่นำมาพูดคุยในวันนี้อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สำหรับใครที่สนใจอยากเริ่มดื่มไวน์ ขอบอกว่าการดื่มไวน์ส่วนใหญ่ส่งผลดีกับสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นไวน์แดงหรือไวน์ขาว ล้วนถูกหมักและบ่มจากองุ่น ผลผลิตจากธรรมชาติล้วนๆ แต่หากดื่มมากจนเกินไป อาจส่งผลเสียกับสุขภาพ และแน่นอนอาจทำให้คุณเมาได้ ดื่มแต่พอดี ไวน์จะช่วยให้คุณมีสุนทรีกับชีวิตรวมทั้งช่วยมีสุขภาพดีแน่นอนค่ะ Bon Aperatif!
ขอบคุณข้อมูลจาก:wineman.asia/enrich-winecooler.com/hafelethailand.com/wongnai.com
Picture credit: pinterest.com