สำหรับผู้หญิงที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทีนหรือวัยสาวในช่วงอายุระหว่าง 13-19 ปี การเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนของช่วงวัยรุ่นมักมีผลกระทบอย่างมากต่อผิว โดยเฉพาะในตำแหน่งที่มีต่อมไขมันเยอะ เช่น ใบหน้า คอ หน้าอก หลัง ไหล่ น้ำมันที่ผลิตเพิ่มขึ้นอาจทำให้วัยรุ่นหลายๆ คนเริ่มมีผิวมันและมีแนวโน้มเป็นสิวได้มากขึ้น ปัญหาสิวเหล่านี้ สร้างความรำคาญสำหรับวัยรุ่นส่วนใหญ่จนหลายคนต้องปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพราะในวัยที่เริ่มแตกเนื้อสาว ความงามเป็นเรื่องที่วัยรุ่นให้ความสำคัญมาก
เพราะเข้าใจในความรู้สึกของวัยรุ่น Central Inspirer จึงชวนน้องๆ มาทำความรู้จักกับสิวสาว หรือสิวฮอร์โมนว่าคืออะไร และมีวิธีไหนที่จะช่วยรักษาสิวได้บ้าง มาดูกันเลยค่ะ
‘สิวสาว’ คืออะไร
การเกิดสิวของวัยรุ่น หรือวัยแตกเนื้อสาว ไม่ได้เกิดจากความสกปรกเสมอไป สาววัยรุ่นหลายคนคิดว่าการเป็นสิวนั้นเกิดจากการไม่รักษาความสะอาด จึงพยายามล้างหน้าวันละหลายครั้ง พอมีสิว ก็มักจะบีบ แกะ จนทำให้หัวสิวแตก เกิดการอักเสบมากขึ้น ทำให้สิวมีความรุนแรงมากขึ้น หายช้า และอาจเป็นแผลเป็น เป็นรอยดำ สิวที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่นนั้นเรียกว่า ‘สิวฮอร์โมน’ (Hormonal Acne) หรือที่นิยมเรียกกันว่า ‘สิวสาว’ อันเป็นสิวที่มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนภายในร่างกาย หรือความไม่สมดุลของฮอร์โมนภายในร่างกาย เมื่อปริมาณฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) เพิ่มสูงขึ้น ฮอร์โมนนี้จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน ให้ผลิตซีบัม (Sebum) ออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ปริมาณเชื้อแบคทีเรียมากขึ้น
หากเคราติน (Keratin) ซีบัม (Sebum) และเชื้อแบคทีเรียรวมตัวกัน จะก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน จนกลายมาเป็นสิวอุดตัน (Comedones) หรือในบางกรณี เมื่อมีการอุดตันรูขุมขนขึ้นมากๆ ขยายตัวจนทำให้ท่อรูขุมขนเกิดการอักเสบ ก็จะทำให้มีโอกาสที่จะกลายเป็นสิวอักเสบ หรือ Inflammatory Acne) ได้
สิวฮอร์โมนมีประเภทใดบ้าง
สิวฮอร์โมน ที่มักเกิดขึ้นในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน สามารถเป็นได้ทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบ จึงทำให้อาการแสดงของสิวฮอร์โมนที่ปรากฏในแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกันไป ลักษณะสิวฮอร์โมนแบ่งได้ดังต่อไปนี้
1. สิวอุดตัน (Comedones)
สิวอุดตัน หรือสิวไขมันอุดตัน คือ สิวที่ไม่อักเสบ มีลักษณะเป็นสิวหัวนูนออกมาจากผิวหนัง เมื่อจับไปจะรู้สึกถึงความไม่เรียบ เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนบนผิวหนัง บางครั้งสิ่งอุดตันที่เราเรียกกันว่า ‘หัวสิว’ ก็อาจโผล่ออกมาให้เห็นได้จากภายนอกได้เช่นกัน
2. สิวอุดตันหัวเปิด (Open Comedones) หรือสิวหัวดำ (Blackheads)
จะมีลักษณะเป็นสิวหัวดำแข็ง สามารถเห็นหัวสิวได้จากภายนอก ในระยะแรกๆ หัวสิวของสิวอุดตันหัวดำจะเห็นเป็นสีขาวเหลือง ซึ่งเป็นสีของเคราตินและไขมัน แต่เมื่อหัวสิวสัมผัสกับอากาศระยะหนึ่ง หัวสิวจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ และเปลี่ยนสีเป็นสีดำในที่สุด
3. สิวอุดตันหัวปิด (Closed Comedone) หรือสิวหัวขาว (Whiteheads)
ลักษณะเป็นสิวอุดตันขนาดเล็กที่มีความนูนออกมาเล็กน้อย บริเวณหัวสิวมีสีขาว และสังเกตเห็นจากภายนอกได้ยาก
4. สิวอักเสบ (Inflammatory Acne) แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
- สิวตุ่มนูนแดง (Papule) เป็นลักษณะสิวกลมๆ สีแดง ขนาดเล็กไม่เกิน 0.5 เซนติเมตร ภายในไม่มีการเกิดหนอง เมื่อสัมผัสอาจให้ความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
- สิงหัวหนอง (Pustules) มีลักษณะเป็นสิวสีแดง ตรงกลางปรากฏหนองสีขาวเหลือง ให้ความรู้สึกเจ็บปวดแก่ผู้ที่สัมผัสโดนเล็กน้อย
- สิวตุ่มแดงขนาดใหญ่ (Nodules) เป็นการอักเสบของสิวระดับรุนแรงที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก โดยมีลักษณะเป็นสิวขนาดใหญ่ แข็งเป็นก้อน ไม่มีหัวสิว ไม่มีหนองอยู่ภายใน ไม่สามารถบีบออกได้ เนื่องจากเป็นสิวที่เกิดอยู่ในระดับชั้นผิวหนังที่ค่อนข้างลึก
เมื่อทราบถึงที่มาที่ไปของสิวฮอร์โทน รวมทั้งประเภทของสิวแล้ว ลองมาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้านที่ช่วยรักษาและแก้ปัญหาเรื่องสิว
5 วิธีรักษาและแก้ปัญหาสิวสาว
1. ทานยาที่ช่วยคุมสิวฮอร์โมน (Anti-androgen drugs)
การรับประทานยาเพื่อคุมสิวฮอร์โมนที่ไม่ใช่ยาคุม มีประสิทธิภาพที่ดีสามารถลดสิวได้ 50% – 100% ซึ่งจะช่วยลดความมัน และลดโอกาสการปะทุของสิวอักเสบได้เป็นอย่างดี สามารถรับประทานต่อเนื่องได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
2. เรตินอยด์ (Retinoids)
เรตินอยด์ เป็นสารที่รวมอนุพันธ์ของวิตามินเอ (Vitamin A Derivatives) ที่สกัดจากธรรมชาติ รวมทั้งจากการสังเคราะห์ เรตินอล (Retinol) ก็เป็นสารชนิดหนึ่งของเรตินอยด์ ซึ่งนอกจากการจะช่วยต่อต้านริ้วรอยแล้ว ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาสิวได้อีกด้วย หากคุณมีอาการสิวฮอร์โมนที่ไม่รุนแรง แนะนำให้หาครีม หรือเจลที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ หรือเรตินอลมาใช้ อย่างไรก็ตาม นอกจากการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ หรือเรตินอลแล้ว ครีมกันแดดก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยป้องกันผิวจากแสงแดด ที่นอกจากทำให้เกิดฝ้า กระ ริ้วรอย และจุดด่างดำแล้ว ยังทำให้เกิดสิวอีกด้วย
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์
INNISFREE เรตินอล รักษาสิว ฟื้นฟูผิวอักเสบ ขนาด 30 มล.
ราคา 1,250 บาท
ENDOTA AUSTRALIA เซรั่มเรตินอล ลดเลือนริ้วรอย ขนาด 30 มล.
ราคา 3,650 บาท
ครีมกันแดดคุณภาพ
KIEHL’S ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด Ultra Light Daily Uv Defense Aqua Gel SPF 50 PA++++ ขนาด 60 มล.
ราคา 2,400 บาท พิเศษ 2,160 บาท (SAVE 10%)
LA ROCHE-POSAY ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด Anthelios Shaka Fluid SPF50+ ขนาด 50 มล.
ราคา 1,450 บาท พิเศษ 1,305 บาท (SAVE 10%)
BIODERMA ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด Photoderm Cover Touch SPF50+ ขนาด 40 มล.
ราคา 940 บาท
3. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว
ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว ไม่ว่าจะเป็นคลีนเซอร์ หรือมอยส์เจอไรเซอร์ เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิว เช่น สเตียรอยด์ (Steroid) ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) หรือสารปรอท (Mercury) เพราะผิวหน้าจะยิ่งเกิดการแพ้มากกว่าเดิม สิวอาจหายไปในช่วงแรก แต่ก็จะกลับมาเป็นซ้ำอีก
คลีนเซอร์ที่อ่อนโยนต่อผิว
FRESH ซอย เฟซ คลีนเซอร์ ลิมิเต็ด อิดิชั่น ขนาด 250 มล.
ราคา 2,050 บาท
THREE คลีนซิ่ง Clearing Foam ขนาด 100 กรัม
ราคา 1,600 บาท พิเศษ 1,440 บาท (SAVE 10%)
CETAPHIL เจนเทิล สกิน คลีนเซอร์ ขนาด 1000 มล.
ราคา 1,095 บาท พิเศษ 929 บาท (SAVE 15%)
มอยส์เจอไรเซอร์ที่นุ่มนวลต่อผิว
KIEHL’S ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า Ultra Facial Cream ขนาด 50 มล.
ราคา 1,520 บาท พิเศษ 1,368 บาท (SAVE 10%)
CERAVE โลชั่นบำรุงผิวหน้า Facial Moisturizing Lotion ขนาด 1.75 ออนซ์
ราคา 580 บาท พิเศษ 520 บาท (SAVE 10%)
THE BODY SHOP วิตามิน อี มอยเจอร์ ครีม ขนาด 50 มล.
ราคา 720 บาท พิเศษ 540 บาท (SAVE 25%)
4. ทีทรีออยล์ (Tea Tree Oil)
ทีทรีออยมีส่วนช่วยในการลดการอักเสบของผิว โดยเฉพาะริ้วรอยที่เกิดจากสิว ทีทรีออยล์ อาจมาในรูปของคลีนเซอร์ หรือโทนเนอร์ รวมทั้ง Essential Oil ที่เราสามารถนำมาใช้บำบัดอาการเกิดสิวได้ด้วยการผสมทีทรีออยล์กับ Carrier Oil เช่น น้ำมันมะพร้าว โจโบบา หรือน้ำมันมะกอก โดยผสมทีทีออยล์ 2 หยดกับ Carrier Oil 12 หยดเข้าด้วยกัน แล้วนำมาแต้มในบริเวณที่เกิดสิว ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วเช็ดออก ทำวิธีนี้ทุกวันจนเม็ดสิว และอาการอักเสบเริ่มลดลง
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของทีทรีออยล์
SKIN REGIMEN 1.0 ทีทรี บูสเตอร์ ขนาด 25 มล.
ราคา 3,800 บาท
THE BODY SHOP Tea Tree Oil ขนาด 20 มล.
ราคา 710 บาท พิเศษ 568 บาท (SAVE 20%)
PLANTNERY ทีทรี เฟเชียล เพอรีฟลายอิ้ง คลีนเซอร์ ขนาด 250 มล.
ราคา 290 บาท
5. ชาเขียว (Green Tea)
ชาเขียวมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบในร่างกาย การดื่มชาเขียววันละ 1-2 แก้ว นอกจากจะช่วยลดการอักเสบแล้ว ยังช่วยลดการเกิดสิว ทำให้ผิวพรรณเรียบเนียนขึ้น รวมทั้งการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของชาเขียวก็สามารถช่วยลดอาการอักเสบ และการเกิดสิวฮอร์โมนได้ดีอีกด้วย
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของชาเขียว
INNISFREE กรีนที เซรั่ม สูตรใหม่ 2022 ขนาด 80 มล.
ราคา 1,000 บาท
FOREO แผ่นมาส์ก สูตร Green Tea x 6
ราคา 990 บาท พิเศษ 891 บาท (SAVE 10%)
นอกจาก 5 วิธีในการแก้ปัญหาสิวฮอร์โมนที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์รักษาสิวคุณภาพมากมายที่คุณควรเลือกใช้ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
ผลิตภัณฑ์แก้ปัญหาสิว
LA ROCHE-POSAY ครีมแต้มสิว Effaclar A.I ขนาด 15 มล.
ราคา 925 บาท พิเศษ 830 บาท (SAVE 10%)
SMOOTH E เซ็ตคู่หูดูโอ้ จบทุกปัญหาสิว สำหรับสิวไม่มีหัว (Acne Scar Serum & Acne Hydrogel Plus)
FORMULA 10.0.6 แผ่นแปะรอยสิว Overnight Success Overnight Spot Minimizing Patches
(ทีทรี +เกรปซีด) จำนวน 84ชิ้น/กล่อง
ราคา 590 บาท
สิวสาว หรือสิวฮอร์โมนจะค่อยๆ ลดน้อยลงไปเมื่อเรามีอายุมากขึ้น แต่ในระหว่างช่วงวัยรุ่น ที่สิวฮอร์โมนเข้ามาสร้างความลำบากใจให้กับสาวๆ แนะนำให้รักษาความสะอาดใบหน้า แต่ไม่ต้องมากจนเกินไป ดื่มน้ำมากๆ และรับประทานผักผมไม้สดเยอะๆ เพื่อช่วยในการขับถ่าย ช่วยให้ร่างกายไม่กักเก็บของเสียมากจนเกินไป ปัญหาสิว ไม่ว่าจะเป็นสิวสาว หรือสิวประเภทใด หากเข้าใจที่มาของสิว และลองใช้วิธีที่แนะนำข้างต้น อาการที่ไม่พึงปรารถนาของการเกิดสิวก็จะเบาบางลง ให้สาววัยรุ่นมีใบหน้าสวยใส ผิวเรียบเนียนได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก: healthline.com/skinx.app
Picture credit: pinterest.com