หลายคนมีปัญหาเรื่องฟัน ไม่ว่าจะเป็นฟันผุ ฟันเก ฟันห่าง ฟันเรียงตัวไม่สวย ปวดฟัน สารพันปัญหาที่ต้องขอความช่วยเหลือจากทันตแพทย์ผู้ที่เราทุกคนเกรงกลัวมากกว่าการไปพบแพทย์ทั่วไป ใช่ว่าเราจะไม่กลัวการไปหาหมอ แต่หมอฟันสร้างความหวาดกลัวให้เรามากที่สุดเมื่อนึกถึงความเสียวในการกรอฟัน ถึงแม้ว่าสมัยนี้จะมีนวัตกรรม และวิวัฒนาการในการทำฟันที่ช่วยบรรเทาความกลัวให้เรามากมาย แต่ก็อดเสียวไม่ได้เมื่อมีนัดไปหาหมอฟัน
แต่วันนี้ Central Inspirer ไม่ได้ชวนคุณไปพบทันตแพทย์นะคะ แต่อยากมาถามคุณว่า คุณมีปัญหาเรื่องฟันเหลืองหรือไม่ หลายคนบอกว่ามี อาจเป็นเพราะเนื้อฟันเดิมไม่ค่อยขาว รับประทานยาบางอย่างที่มีผลกับสีของฟัน รับประทานชา-กาแฟมาก หรือสูบบุหรี่จัด ฟันเลยเหลืองอ๋อย เอาจริงๆ เราก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าฟันเหลืองนั้นเกิดจากสาเหตุใด ทำไมคนเรามีฟันเหลืองไม่เท่ากัน แล้วจะมีวิธีใดบ้างที่เราจะสามารถแก้ไขปํญหาฟันเหลืองเบื้องต้นได้ด้วยตัวเองที่บ้างโดยไยังไม่ต้องรีบร้อนไปปรึกษาทันตแพทย์ Central Inspirer หาคำตอบมาฝากคุณ มาดูกันเลยค่ะ
ฟันเหลืองเกิดจากสาเหตุใด
คราบฟันเหลือง หรือ Yellow Teeth คือ แผ่นคราบจุลินทรีย์ หรือ Bacterial Plaque ที่มีสีขาวขุ่นและนิ่ม ประกอบไปด้วยเชื้อโรคต่างๆ ที่ติดอยู่บนเนื้อฟัน เมื่อมีธาตุแคลเซียมจากน้ำลายเข้าไปตกตะกอน คราบจุลินทรีย์จะเกิดการแข็งตัวจนกลายเป็นคราบหินปูน หรือคราบฟันเหลืองนั่นเอง
กระบวนการเกิดคราบเหลืองที่ฟันจะเริ่มหลังจากที่เราแปรงฟันไม่สะอาด ทำให้มีเชื้อโรคตกค้างอยู่ในช่องปากและเกาะทับถมกันจนกลายเป็นคราบจุลินทรีย์ และพัฒนากลายเป็นคราบหินปูนที่ติดแน่นอยู่บนฟันจนมีสีเหลือง อย่างไรก็ตามมีสาเหตุหลักอยู่ 2 ประการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนสีของฟัน นั่นคือ
1. คราบเหลืองที่ฟันที่เกิดจากปัจจัยภายนอก
คราบเหลืองที่ฟันที่เกิดจากปัจจัยภายนอก เป็นสาเหตุฟันเหลืองที่พบบ่อยมากที่สุด โดยมักเกิดจากอาหาร หรือพฤติกรรมที่ทำมาเป็นเวลาช้านาน จนทำให้เกิดคราบจุลินทรีย์เกาะที่ผิวเคลือบฟัน เช่น
- การดื่มเครื่องดื่มที่มีสี เช่น ชา หรือกาแฟ
- การอมลูกอม หรือยาอมบางชนิด
- การสูบบุหรี่ โดยสารเคมีที่เกิดการเผาไหม้ของการสูบบุหรี่จะไปสะสมอยู่บริเวณผิวฟัน และแทรกซึมเข้าไปในชั้นเนื้อฟัน ทำให้ฟันเหลืองหรือเปลี่ยนเป็นสีขุ่น
- การแปรงฟันไม่สะอาดพอและไม่ใช้ไหมขัดฟัน จะทำให้เกิดการสะสมของคราบอาหาร แบคทีเรีย และหินปูน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฟันเหลือง รวมถึงโรคในช่องปากต่างๆ เช่น ฟันผุ หรือเหงือกอักเสบ
2. คราบเหลืองที่ฟันที่เกิดจากปัจจัยภายใน
คราบเหลืองที่ฟันที่เกิดจากปัจจัยภายในจนเป็นสาเหตุของฟันเหลือง เกิดจากการมีคราบภายในเนื้อฟัน ไม่ใช่ผิวเคลือบฟัน ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการขูดหินปูน เช่น
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยา เช่น การรับประทานยาเตตราไซคลินในช่วงอายุที่กำลังสร้างฟัน จะทำให้ฟันไม่แข็งแรง ผุกร่อนได้ง่าย และทำให้ฟันเหลือง เป็นต้น
- ผลข้างเคียงจากโรคบางชนิด เช่น โรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี หรือการตั้งครรภ์ สามารถส่งผลกระทบให้ฟันเปลี่ยนสีได้เช่นกัน
- ฟันเหลืองจากอุบัติเหตุ เช่น ฟันได้รับแรงกระแทกแรงๆ ในวัยเด็ก ทำให้เส้นประสาทที่เกี่ยวกับการสร้างฟันเสียหาย และส่งผลกระทบให้ฟันเปลี่ยนสี
- ฟันเหลืองจากกรรมพันธุ์ เป็นสีเนื้อฟันตามธรรมชาติ ไม่ได้ทำให้เกิดความอันตรายใดๆ
ทำไมคนเราฟันเหลืองไม่เท่ากัน
จะสังเกตได้ที่คนเรานั้นอาจมีสีของฟันไม่เท่ากัน แม้แต่พี่น้องที่คลานตามกันมาก็อาจมีสีของฟันที่แตกต่างกัน ซึ่งสาเหตุที่คนบางคนมีปํญหาคราบฟันเหลือง และบางคนไม่มีปัญหาเรื่องสีของฟัน เกิดจากปัจจัยหลายประการ ดังนี้
- การรับประทานอาหารบางชนิด เช่น อาหารที่มีสีเข้ม เช่น แกงเหลือง แกงส้ม หรือเครื่องดื่มที่มีสี เช่น ชา กาแฟ ไวน์ อาจทำให้สารเคลือบบนฟันของคุณเป็นคราบ ส่งผลให้ฟันมีสีเหลือง
- การรับประทานเครื่องดื่ม ที่มีสี อาทิเช่น ชาดำ กาแฟ น้ำอัดลม หรือไวน์แดง
- หากคุณสูบบุหรี่ จะทำให้ฟันของคุณมีสีคล้ำ และเหลืองมากกว่าปกติ
- การแปรงฟันแรงเกินไปอาจทำให้ชั้นนอกของฟันสึก ซึ่งจะทำให้คราบจากอาหารและเครื่องดื่ม ซึมลึกเข้าไปในผิวฟัน ทำให้ฟันดูเหลืองขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
ทราบถึงปัญหาที่ก่อให้เกิดฟันเหลืองแล้ว มาดูกันว่ามีวิธีใดบ้างที่สามารถแก้ปัญหาฟันเหลืองได้ด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจไปพบทันตแพทย์
วิธีแก้ปัญหาฟันเหลืองเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง
1. เบกกิ้งโซดา (Baking Soda)
หลายคนสงสัยว่าเราสามารถรับประทานเบกกิ้งโซดาได้หรือไม่ คำตอบคือ รับประทานได้ แต่ไม่แนะนำให้รับประทานโดยตรง ดังนั้นจึงไม่ต้องตกใจหากแนะนำให้คุณแก้ปัญหาฟันเหลืองด้วยเบกกิ้งโซดา เบกกิ้งโซดาคือ โซเดียมไฮโดรเจน คาร์บอเนต (Sodium Hydrogen Carbonate) หรือโซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium Bicarbonate) ที่มีลักษณะเป็นผลึกสีขาว มีคุณสมบัติละลายน้ำได้ และมีความเป็นด่างเล็กน้อย คนส่วนใหญ่มักนำเบกกิ้งโซดาไปหมักเนื้อสัตว์เพื่อทำให้เนื้อนุ่ม หรือใช้ล้างสารพิษในผักและผลไม้
เบกกิ้งโซดาเบกกิ้งโซดาสามารถช่วยบรรเทาปัญหาฟันเหลืองได้ เพียงนำเบกกิ้งโซดา 2-3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำมะนาว น้ำเลมอน หรือน้ำส้มสายชูประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ ผมให้เข้ากันแล้วใช้แปรงสีฟันจุ่มส่นผสม แล้วนำมาขัดถูฟันของเราอย่างเบาๆ ลองใช้วิธีนี่ 2 ครั้งต่ออาทิตย์ ฟันของคุณก็จะขาวขึ้น แล้วค่อยๆ เข้าสู่สีฟันเดิมของคุณ
2. น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล (Apple Cider Vinegar)
การใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลกลั้วปากและฟันเพียงเล็กน้อยสามารถช่วยทำให้ฟันขาวขึ้น โดยการใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลประมาณ 2 ช้อนชาผสมน้ำเปล่า 6 ออนซ์ เย่าให้เข้ากันประมาณ 30 วินาที จากนั้นนำมากลั้วปาก อมไว้ประมาณ 1 นาที บ้วนออก แล้วแปรงฟันให้สะอาด ทำอย่างนี้ได้ทุกวัน หรืออย่างน้อยอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง ฟันของคุณก็จะค่อยๆ ขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ
3. เปลือกผลไม้ช่วยให้ฟันขาวขึ้นได้ (Fruit Peels)
เปลือกผลไม้อย่างเปลือกส้ม เลมอน หรือกล้วยจะช่วยทำให้ฟันของคุณขาวขึ้นได้ เมื่อใดที่คุณรับประทานส้ม เลมอน หรือกล้วย เก็บเปลือกไว้ ก่อนนอน ลองนำเปลือกด้านในของผลไม้เหล่านี้ขัดถูฟัน ส้ม หรือเลมอนเป็นผลไม้ในตระกูลซีตรัส (Citrus) ที่มีวิตามิน C สูงซึ่งสามารถช่วยฟอกฟันขาวได้
4. สตรอว์เบอร์รี่ (Strawberries)
สตรอว์เบอร์รี่นอกจากจะอร่อย และหวานฉ่ำแล้ว ยังเป็นผลไม้ที่ช่วยฟอกให้ฟันขาวได้ เหมือนกับส้ม สตรอว์เบอร์รี่มีวิตามิน C สูง สามารถช่วยในการลบเลือนฟันคราบเหลืองบนฟันของคุณได้ เพียงนำสตรอว์เบอร์รี่มาสับให้ละอียดสัก 2-3 ลูก จากนั้นนำมาขัดฟัน ทำอย่างนี้อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง คุณจะเห็นความแตกต่างของสีฟันของคุณในเวลาไม่กี่อาทิตย์ค่ะ
5. เกลือ (Salt)
เกลือถือเป็นตัวช่วยในการทำความสะอาดมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว แถมยังเป็นตัวช่วยในการขัดฟันให้ขาวได้ จะเห็นได้ว่่าสมัยนี้ยาสีฟันเกือบทุกแบรนด์มีสูตรเกลือเพื่อช่วยลดอาการเสียวฟัน และฟอกฟันขาวได้ แนะนำให้คุณเลือกใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของเกลือ หรือนำเกลือป่นมาผสมกับยาสีฟันที่คุณใช้อยู่แล้วนำมาใช้ในการแปรงฟันทุกเช้าและค่ำก่อนนอน อาจใช้น้ำยาบ้วนปากร่วมด้วย จะช่วยให้ฟันขาวขึ้น แถมปราศจากกลิ่นปากด้วยค่ะ
ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากคุณภาพ
DENTICON ยาสีฟัน Plus Bamboo Salt รุ่น TP0006 ขนาด 150 กรัม
ราคา 139 บาท
SPARKLE ยาสีฟัน Double White สูตร Lemon Soda (แพ็ค 2) รุ่น SK0428 สีหลากสี ขนาด 100 กรัม
ราคา 258 บาท
CURAPROX ชุดแปรงสีฟันและยาสีฟัน Black is White I Full Set
ราคา 1,100 บาท
DENTISTE ยาสีฟัน สูตรฟันขาว ไวท์เทนนิ่ง แบบขวดปั๊ม ขนาด 120 กรัม
ราคา 425 บาท พิเศษ 350 บาท (SAVE 18%)
AESOP น้ำยาบ้วนปาก Mouthwash ขนาด 500 มล.
ราคา 800 บาท
PROPOLINSE น้ำยาบ้วนปาก Whitening Mouthwash
ราคา 599 บาท พิเศษ 579 บาท (SAVE 3%)
DENTISTE น้ำยาบ้วนปาก ลดกลิ่นปากและแบคทีเรีย ส่วนผสมจากธรรมชาติ ขนาด 700 มล.
ราคา 360 บาท พิเศษ 290 บาท (SAVE 19%)
6. น้ำมันมะพร้าวช่วยฟอกฟันขาว (Coconut Oil)
เราสามารถกำจัดคราบจุลินทรีย์และแบคทีเรียได้ด้วยน้ำมันมะพร้าว แถมช่วยฟอกฟันขาวได้อีกด้วย เพียงคุณอมน้ำมันมะพร้าวประมาณ 1-2 ช้อนชาไว้ในปาก 10-30 นาที และพยายามอย่ากลืนน้ำมันมะพร้าวเข้าไปในคอ เพราะในระหว่างขบวนการฟอกฟันขาว น้ำมันมะพร้าวจะทำการกำจัดจุลินทรีย์และแบคทีเรียในปากของคุณ ซึ่งเป็นเชื้อโรค และไม่ควรกลืนลงคอ เมื่อถึงเวลาที่กำหนด ป้วนออก แล้วแปรงฟันให้สะอาด ทำแบบนี้อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง คุณจะพบว่าฟันของคุณนอกจากจะปราศจากเชื้อจุลินทรีย์และแบคทีเรียแล้ว ฟันยังขาวขึ้นอีกด้วยค่ะ
แนะนำน้ำมันมะพร้าวคุณภาพ
PHUTAWAN น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
ราคา 600 บาท
TROPICANA น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นออร์แกนิค ขนาด 1,000 มล.
ราคา 590 บาท
PHUTAWAN ยาสีฟันมะพร้าว ขนาด 110 กรัม
ราคา 190 บาท
7. ผงถ่าน (Charcoal Powder)
หลายคนคงเคยได้ยินว่าถ่านช่วยให้ฟันคุณขาวขึ้นได้ ลองบดถ่านให้เป็นผง แล้วโรยลงบนแปรงสีฟัน จากนั้นแปรงไปทั่วๆ ฟันประมาณ 1-2 นาที บ้วนออกด้วยน้ำเปล่า ผงถ่านสามารถช่วยฟอกให้ฟันขาวขึ้น แถมช่วยกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ที่อยู่บนฟันและในช่องปากได้อีกด้วย
8. ผงขมิ้น (Turmeric Powder)
นอกจากจะเป็นสมุนไพรชั้นยอดแล้ว ผงขมิ้นยังช่วยฟอกฟันให้ขาวขึ้นได้ด้วยการนำผงขมิ้น 1 ช้อนชา ผสมน้ำเพียงเล็กน้อย คนให้เข้ากัน จากนั้นใช้แปรงสีฟันป้ายขมิ้นที่ผสมแล้วนำมาแปรงฟันประมาณ 1-2 นาที ผงขมิ้นมีคุณสมบัติช่วยขจัดคราบต่างๆ ที่เกาะอยู่บนพื้นผิวของฟัน ทำให้ฟันขาวขึ้น แถมยังมีประโยชน์ ดีต่อสุภาพอีกด้วยค่ะ
9. เคี้ยวถั่วบ่อยๆ (Chewing Nuts)
เชื่อหรือไม่ว่าการเคี้ยวถั่ว หรืออาหารที่มีความแข็งช่วยให้ฟันของเราขาวขึ้นได้ ในส่วนของถั่วนั้นมีส่วนผสมของไขมันและโปรตีนซึ่งดีต่อสุขภาพและช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้นกับฟันของเราได้ รับประทานถั่ววันละ 6-7 ออนซ์ทุกวันสามารถช่วยเรื่องปัญหาเรื่องการสร้างจุลินทรีย์บนเนื้อฟันและในช่องปากอีกด้วย
10. น้ำเลมอนช่วยฟอกฟันขาว (Lemon Juice)
น้ำเลมอน หรือน้ำมะนาวมีส่วนผสมของกรดซิตริก (Citric Acid) ซึ่งมีส่วนช่วยในการขจัดคราบเหลืองบนเนื้อฟันได้ เพียงผสมเบกกิ้งโซดาเพียงเล็กน้อย ประมาณ 1-2 ช้อนชา ผสมกับน้ำเลมอน หรือน้ำมะนาวประมาณ 1-2 ช้อนชา คนให้เข้ากัน นำมาเคลือบบนผิวฟัน ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นแปรงฟันให้สะอาด ทำได้บ่อยครั้งเท่าที่คุณต้องการ แต่แนะนำว่าไม่ควรใช้น้ำเลมอนมากจนเกินไป เพราะความเปรี้ยวอาจกัดกร่อนเนื้อฟันได้คะ
11. ลดการรับประทานของหวาน (Limit Sugar-Based Products)
การลดการรับประทานขนม ของหวาน หรือเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวานสามารถช่วยทำให้ฟันของคุณขาวขึ้นได้ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม ไวน์ เครื่องดื่มที่ผสมโซดา ไม่ควรดื่มมากเกินไปเพราะจะทำให้ฟันเหลืองอ๋อยค่ะ
12. เครื่องดื่มหรืออาหารที่มีแคลเซียมสูง (Calcium-rich Diet)
นม ชีส หรือโยเกิร์ตล้วนเป็นเครื่องดื่มและอาหารที่มีแคลเซียมสูงซึ่งมีส่วนช่วยปกป้องผิวที่เคลือบฟัน หรือ Teeth Enemel ไม่ให้เกิดมีสีเหลืองได้ รับประทานบ่อยๆ นอกจากจะช่วยให้ฟันไม่เหลืองแล้ว ยังช่วยให้ฟันและเหงือกมีสุขภาพดีอีกด้วย
การดูแลสุขภาพฟันนั้นเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูช่องปาก เช่น แปรงสีฟันไฟฟ้า ไหมขัดฟัน และอีกมากมายที่คุณควรเลือกหามาใช้เพื่อปกป้องฟันของคุณจากอาการฟันผุ ปัญหาเหงือก หรือรำมะนาด แถมปัญหาเรื่องกลิ่นปากให้ห่างไกลคุณ
ผลิตภัณฑ์ช่วยดูแลฟันและช่องปากคุณภาพ
PHILIPS แปรงสีฟันไฟฟ้า Sonicare รุ่น HX9912/51
ราคา 8,990 บาท พิเศษ 7,590 บาท (SAVE 16%)
BRAUN แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B รุ่น GENIUS9000
ราคา 8,999 บาท พิเศษ 7,650 บาท (SAVE 15%)
FOREO แปรงสีฟัน FOREO ISSA 2 Sensitive Set สี Pearl Pink
ราคา 7,800 บาท พิเศษ 6,240 บาท (SAVE 20%)
SPARKLE แปรงสีฟันไฟฟ้า Sonic Triple Active รุ่น SK0373
ราคา 1,790 บาท พิเศษ 1,690 บาท (SAVE 6%)
BRAUN ไหมขัดฟัน รุ่น SATIN FLOSS
ราคา 199 บาท พิเศษ 169 บาท (SAVE 15%)
ฟันขาวสวย และสุขภาพในช่องปากที่แข็งแรงนอกจากจะช่วยเสริมความมั่นใจเมื่อได้พบปะพูดคุย หรือส่งรอยยิ้มให้ใครๆ แล้ว หากคุณรู้จัดดูแลฟัน รักษาฟันให้สะอาด ยังช่วยให้คุณห่างทันตแพทย์ได้ แต่อย่างน้อยก็ควรพบหมอฟันปีละ 1-2 ครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะไม่มีปัญหาเรื่องฟัน และมีรอยยิ้มหวานน่าประทับใจค่ะ Happy Teeth นะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก: cosdentbyslc.com/lybrate.com/thantakit.com/healthline.com
Picture credit: pinterest.com