หูฟังบลูทูธในปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก!! เพราะใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย พกพาง่าย แถมยังมอบเสียงได้ดีเกือบๆ จะเท่าหูฟังแบบมีสายกันแล้ว ซึ่งหนึ่งในสถานที่ที่คนมักจะนำไปด้วย นั่นก็คือริมทะเลหรือริมหาดนั่นเอง เพื่อเอาไปฟังเพลงชิลล์ๆ พร้อมกับเสพบรรยากาศโดยรอบนั่นเอง ในวันนี้มาดามจึงได้นำ 8 หูฟังบลูทูธกันน้ำที่เหมาะสำหรับเที่ยวทะเล 2022 มาฝากกัน เผื่อว่าหูฟังโดนน้ำหรือโดนฝุ่นจะได้ไม่เสียง่ายๆ !!
เกณฑ์การคัดเลือกหูฟังบลูทูธกันน้ำ
สำหรับหูฟังที่มาดามนำมาแนะนำนี้จะอยู่ในระดับ IPX7, iPX8, IP67 และ IP68 ที่สามารถกันน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถสวมใส่ไปพร้อมๆ กับลงเล่นน้ำได้
8 หูฟังบลูทูธกันน้ำที่เหมาะสำหรับเที่ยวทะเล 2022
1. AFTERSHOKZ หูฟังไร้สาย (สี Solar Red) รุ่น Aeropex
ราคา: 5,990 4,690 บาท (ประหยัด 22%)
หูฟังยอดฮิตจากแบรนด์ AFTERSHOKZ ที่มาพร้อมกับระบบการกันน้ำแบบ IP67 ป้องกันการแทรกซึมของน้ำจากการแช่ตัวอุปกรณ์ในน้ำได้ที่ความลึกสูงสุด 1 เมตร เป็นระยะเวลาสูงสุด 30 นาที เหมาะสำหรับใส่ไปทะเลสุดๆ มาพร้อมกับระบบเสียงแบบ PremiumPitch 2.0 + ™ ที่มอบเสียงเบสที่ทรงพลังและระดับเสียงที่สูง เรียกได้ว่าใครชอบฟังเพลงร็อกห้ามพลาดเลย ทางด้านแบตเตอรี่ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ใช้ได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว เพลิดเพลินกับเสียงเพลงการโทรและพอดแคสต์ตลอดทั้งวัน
2. SHOKZ หูฟังบลูทูธไร้สาย Open Run รุ่น S17455 สีน้ำเงินเข้ม
ราคา: 4,690 บาท
เป็นอีกหนึ่งหูฟังที่เหมาะจะใส่ไปทะเลมากๆ เพราะมาพร้อมระบบกันน้ำแบบ IP67 ป้องกันการแทรกซึมของน้ำจากการแช่ตัวอุปกรณ์ในน้ำได้ที่ความลึกสูงสุด 1 เมตร เป็นระยะเวลาสูงสุด 30 นาที ถ้าหล่นตกน้ำก็ยังสามารถหยิบขึ้นมาได้โดยที่ยังไม่เสียไปซะก่อน ใช้ระบบเสียงแบบ PremiumPitch 2.0+ ซึ่งให้เสียงเบสแบบไดนามิก และ ระดับเสียงที่สูง ช่วยลบช่องรั่ว ของ LeakSlayer บนอากาศ และ ช่วยลดการรั่วไหลลง 50% เมื่อเทียบกับอากาศ แบตเตอรี่อยู่ได้นานสูงสุดถึง 8 ชั่วโมง เรียกได้ว่าฟังเพลงสนุกได้ตลอดทั้งวันก่อนจะต้องชาร์จใหม่
3. JBL หูฟังไร้สาย รุ่น Endurance Dive
ราคา: 4,690 บาท
นี่ก็เป็นอีกรุ่นที่คุณสามารถเลือกไปสวมใส่ที่ทะเลได้เช่นกัน โดยมาพร้อมกับระบบการกันน้ำแบบ IPX7 สามารถอยู่ในน้ำได้ที่ระดับความลึกไม่เกิน 1 เมตร เป็นเวลาไม่เกิน 30 นาที ด้านเสียงก็ยังคงอยู่ในมาตรฐานของ JBL และแบตเตอรี่อยู่ได้นานถึง 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว
4. AUKEY หูฟังบลูทูธไร้สาย รุ่น EP-T27 Soundstream
ราคา: 2,890 2,319 บาท (ประหยัด 20%)
หูฟังบลูทูธอีกหนึ่งรุ่นที่มาดามอยากแนะนำนั่นก็คือ รุ่น EP-T27 Soundstream จาก AUKEY ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติในการป้องกันน้ำระดับ IPX7 เลยทีเดียว (สามารถแช่ในน้ำลึกไม่เกิน 1 เมตรได้) มีฟีงก์ชั่นพิเศษมากมาย อาทิ
- ชิป Qualcomm QCC3040 Aptx ลดความล่าช้าและช่วยเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณเสียงแบบ end-to-end
- มีไมโครโฟนถึง 4 ตัว พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน cVc 8.0 noise reduction technology ทำให้เสียงไมค์ดังชัดเจนทุกสภานที่ ใครที่ติดต่อสื่อสารบ่อยๆ โดนใจแน่นอน
- มีระบบ Game Compatible เทคโนโลยีเฉพาะจาก AUKEY ที่ทำให้เสียงในเกมไม่ดีเลย์ แถมยังไม่ต้องปรับโหมดให้ยุ่งยาก เข้าเกมปุ๊บ หูฟังเปลี่ยนโหมดให้ปั๊บ
ด้านแบตเตอร์ก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมสามารถเล่นและฟังเพลงต่อเนื่องสูงสุด 5 ชั่วโมง (ใน volume ระดับ 50%) และชาร์จจากกล่องชาร์จได้สูงสุด 2 รอบครึ่ง ซึ่งถือว่าเพียงพอมากๆสำหรับการใช้งานในแต่ละวัน และยังมีระบบอื่นๆ อีกเพียบ คลิ้กที่ปุ่ม Shop Now แล้วไปดูรายละเอียดกันได้เลย
5. AUKEY หูฟังบลูทูธไร้สาย รุ่น EP-N8 Sport True Wireless Earbuds Active Noise Cancelling & Transparency Mode
ราคา: 4,190 3,389 บาท (ประหยัด 20%)
หูฟังรุ่นนี้เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มาดามอยากให้สอยไว้ใช้ตอนไปทะเล เพราะมาพร้อมมาตรฐานการกันน้ำแบบระดับ IPX7 สามารถอยู่ในน้ำได้ที่ระดับความลึกไม่เกิน 1 เมตร เป็นเวลาไม่เกิน 30 นาที พร้อมฟังก์ชั่นจัดเต็ม อาทิ
- Microphone Sensitivity ที่มากถึง -22dBT ช่วยให้สามารถเก็บรายละเอียดของเสียงในระดับเบาๆ ได้หมด และเก็บเสียงได้เยอะกว่าไมค์ของหูฟังทั่วไป
- Hybrid Active Noise-Cancellation ที่สูงกว่าระบบ ANC ทั่วไป ช่วยให้การสื่อสารได้อย่างไร้ที่ติเพราะ Hybrid ANC ช่วยตัดเสียงรบกวนได้ทั้งจากภายนอกและภายในหูฟัง โดยตัดเสียงรบกวนมากสุดถึง 35dB หรือ ตัดเสียงรบกวนได้สูงสุดถึง 80%
- Transparency Mode โหมดฟังเสียงภายนอก ช่วยให้ได้ยินเสียงภายนอกชัดขึ้น แม้ว่าจะใช้หูฟังแบบมีจุกยางและเปิดเพลงอยู่
- ตอบสนองได้ดี ในทุกย่านเสียง ทั้งเบสที่หนัก มีความเด่นชัด กังวาน กลางพอดี เสียงแหลมคมใสจัดจ้าน เสียง สวย อิ่มหนามีพลัง เก็บรายละเอียด และแยกแยะเสียงได้ดียิ่งกว่าเดิม เรียกว่า ฟังอร่อยและครบถ้วนจริงๆ ตอบโจทย์การฟังเพลงได้ทุกแนว เบสแน่นๆก็ฟังได้ Rock ก็ฟังดี ตัวจริงเรื่องฟังเพลงและการพูดคุย ต้อง AUKEY EP-N8
6. JBL In-Ear Bluetooth Headphone (Coral) Endurance Peak II
ราคา: 4,990 4,491 บาท (ประหยัด 10%)
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งหูฟังที่สามารถนำไปใส่ที่ทะเลได้เพราะมาพร้อมกับระบบกันน้ำแบบ IPX7 สามารถอยู่ในน้ำได้ที่ระดับความลึกไม่เกิน 1 เมตร เป็นเวลาไม่เกิน 30 นาที ถ้าตกลงไปก็ยังพอเก็บได้ ถ้าไม่โดนคลื่นซัดไปซะก่อนนะ พลังเสียงของเจ้าหูฟังตัวนี้ก็ไม่ต้องพูดถึง รับรองว่าฟังเพลงได้สนุกตามแบบฉบับ JBL และไม่ต้องกลัวว่าจะเพลงสะดุด เพราะเจ้าตัวนี้มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่สามารถเล่นได้นานสูงสุด 30 ชั่วโมง (6 ชั่วโมงสำหรับ Buds / 24 ชั่วโมงในเคส)
7. MONSTER In-Ear Monster Champion Wire Headphone (Black) Champion Airlinks
ราคา: 4,590 บาท
และรุ่นนี้เป็นของแบรนด์ Monster ที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้จัก แต่ต้องบอกเลยว่าเป็นอีกแบรนด์ที่คุณไม่ควรพลาดเช่นกัน ถ้าจะนำไปฟังเพลงที่ริมทะเล โดยมาพร้อมกับระกันน้ำแบบ IPX8 ป้องกันการแช่น้ำลึกไม่เกิน 3 เมตร ได้ระยะเวลาหนึ่ง ใช้ชิป Qualcomm และเทคโนโลยีชั้นสูง apt-X ซึ่งออกแบบมาเพื่อปรับปรุงและสร้างคุณภาพเสียงสเตอริโอ 3 มิติที่สมบูรณ์แบบ ให้เสียงที่คมชัด ไม่ผิดเพี้ยน นอกจากนี้แบตเตอรี่ก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน โดยสามารถเล่นต่อเนื่องได้สูงสุด 100 ชั่วโมง!! เลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจมากๆ เป็นตัวเลือกทีดีเลย
8. JBL In-Ear Bluetooth Headphone (Rose) Live Free NC+ TWS
ราคา: 5,990 5,391 บาท (ประหยัด 10%)
รุ่นต่อมาก็ยังอยู่กันที่ JBL เช่นเดิม โดยจะเป็นหูฟังที่มาพร้อมไดรเวอร์ไดนามิก 6.8 มม. ให้พลังเสียง JBL Signature ที่ยอดเยี่ยม หูฟังเหล่านี้อาจมีขนาดเล็กแต่ให้เสียงที่ทรงพลังสุดๆ และแน่นอนว่าต้องมาพร้อมกับระบบกันน้ำ ไม่อย่างนั้นคงใส่ไปทะเลไม่ได้แน่ๆ โดยมาพร้อมกับการกันน้ำแบบ IPX7 สามารถอยู่ในน้ำได้ที่ระดับความลึกไม่เกิน 1 เมตร เป็นเวลาไม่เกิน 30 นาทีได้ นอกจากนี้ยังมี Active Noise Cancelling พร้อม Smart Ambient อีกด้วย ที่จะช่วยให้คุณไม่ต้องพบกับเสียงรบกวนและไม่มีสิ่งรบกวน เพื่อให้คุณเพลิดเพลินไปกับร่องเสียงได้อย่างเต็มที่ หากคุณจำเป็นต้องสนทนา TalkThru และ Ambient Aware ช่วยให้สามารถสนทนาได้อย่างเป็นธรรมชาติและรับรู้สิ่งรอบข้างโดยไม่ต้องถอดเอียร์บัดออก
และนี่ก็คือทั้งหมดที่มาดามนำมาฝากคุณในครั้งนี้ หวังว่าคงพอจะได้ไอเดียในการเลือกซื้อหูฟังสำหรับการใส่ไปทะเลกันแล้ว และสำหรับใครที่อยากไปช้อปปิ้งกันต่อ สามารถไปช้อปกันได้เลยที่ Central Online แหล่งรวมสินค้าพรีเมี่ยมที่มีให้คุณเลือกซื้ออย่างหลากหลาย