กลับมาพบกับมาดามอีกเช่นเคย ในวันนี้มาดามมามีสาระดีๆ มาฝากคุณพ่อ คุณแม่กัน เคยไหม? ที่เห็นลูกน้อยมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องรับมือกับสถานการณ์นี้ได้อย่างไรบ้าง วันนี้มาดามมี 8 วิธีดีๆ ที่จะช่วยให้คุณพ่อ คุณแม่ใช้รับมือเวลาเกิดสถานการณ์ขึ้นได้อย่างถูกต้อง
4 อาการอาเจียนของลูกน้อยที่คุณไม่ควรมองข้าม
ก่อนที่จะไปดูวิธีรับมือเวลาที่ลูกน้อยคลื่นไส้อาเจียน มาดามอยากให้คุณเข้าใจอาการทั้ง 4 แบบเสียก่อน เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ได้เบื้องต้นได้ว่า แต่ละอาการนั้นสามารถบ่งบอกอะไรได้บ้าง
1. อาเจียนมีน้ำดีปน
ให้สังเกตสีของอาเจียนจะมีสีเขียวมักจะเกิดจากภาวะลำไส้อุดตัน หากลูกน้อยมีอาการท้องอืด ไม่ถ่ายร่วมด้วย ต้องรีบพาไปพบแพทย์ทันที
2. อาเจียนเป็นเลือด
ลักษณะมีเลือดปะปนมากับอาเจียนด้วย เกิดจากมีเลือดออกในทางเดินอาหาร เช่น กระเพราะอาหารอักเสบ หลอดอาหารอักเสบ ซึ่งถ้าปล่อยไว้อาจทำให้ลูกน้อยช็อกได้ แต่ในทางกลับกันถ้าเป็นน้อยก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ดี เพราะเด็กจะซีด ต้องรีบพาไปพบแพทย์ หรือในอีกกรณีหนึ่งที่ไม่น่าเป็นห่วงมากนัก คือลูกน้อยนั้นเลือดกำเดาไหลและเมื่ออาเจียนจึงมีเลือดปนออกมาด้วย ดังนั้น คุณต้องสังเกตดีๆ ว่าเกิดจากอะไร
3. อาเจียนและมีความเจ็บป่วยอื่นๆ ร่วมด้วย
หากลูกน้อยอาเจียนและมีอาการเจ็บป่วยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น อาเจียนแล้วมีไข้สูง มีอาการชัก ปวดหัวมากๆ อันนี้สันนิษฐานได้ว่าอาจเกิดจากภาวะติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง หรือถ้ามีอุจจาระร่วงร่วมด้วยแสดงว่ามีการติดเชื้อในลำไส้ หรือถ้าอาเจียนแล้วปวดท้องมาก อาจะเป็นกระเพราะอาหารอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ ตับอักเสบ และร่วมไปถึงท่อน้ำดีอักเสบอีกด้วย
4. อาเจียนบ่อยและปริมาณมาก
หากเกิดอาการนี้ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพราะลูกน้อยจะกินอาหารไม่ได้ อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำและอาหารได้ จำเป็นต้องไปพบแพทย์
8 วิธีรับมือเมื่อลูกคลื่นไส้อาเจียน
ทราบถึงอาการอาเจียนทั้ง 4 แบบของลูกน้อยแล้ว เรามาดูกันต่อเลยว่าวิธีรับมือเมื่อลูกน้อยคลื่นไส้อาเจียนนั้นมีอะไรกันบ้าง
1. น้ำสำคัญมาก อย่าให้ลูกน้อยขาดน้ำ
หากลูกน้อยอาเจียนแบบไม่มีไข้ร่วมด้วย ให้สังเหตลูกน้อยว่ามีอาการขาดน้ำหรือไม่ เช่น หงุดหงิด นอนน้อย เหนื่อยล้า ปากแห้ง ร้องไห้แล้วไม่มีน้ำตา ตัวเย็น เป็นต้น หรือวิธีที่ง่ายที่สุด เมื่อลูกน้อยปัสสาวะให้สังเกตสีดูว่าเข้มหรือไม่ ถ้าเป็นสีเข้มแปลว่าลูกน้อยของเรานั้นกำลังขาดน้ำนั่นเอง
2. เกลือแร่ช่วยได้เสมอ
คุณแม่บางคนอาจเคยได้ยินมาว่าให้เด็กๆ ดื่มน้ำอัดลม หรือน้ำผสมโซดา แต่งานวิจัยได้ระบุออกมาแล้วว่า การดื่มเครื่องดื่มผสมเกลือแร่ ORS นั้น จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ซึ่งเป็นเกลือแร่ที่นักกีฬานิยมดื่มกันเมื่อสูญเสียเหงื่อจากการเล่นกีฬา
3. ให้ลูกน้อยทานของเหลว หรือเจลลี่
เมื่ออาเจียนไปสักพัก คุณแม่ควรจะเติมสารอาหารให้ลูกน้อย ซึ่งอาจจะเป็นในรูปแบบของทานง่ายๆ ที่เป็นของเหลวอย่าง โจ๊ก ข้าวต้ม ซุป ซึ่งจะดีกว่าการให้ของเหลวแบบอื่นๆ เพราะ ทำให้เด็กไม่หิว หรืออาจจะให้ลูกน้อยลองเป็นไข่ต้มสุกบดละเอียด น้ำผลไม้สดๆ หรือเจลลี่ด้วยก็ได้
4. ไม่ต้องนึกถึงยาก่อนเสมอ
ในกรณีที่ลูกน้อยอาเจียนไม่ได้เข้าข่ายในขั้นรุนแรงมาก อาจยังไม่ต้องให้ยาในทันที เพราะไม่ได้ช่วยให้อาการดีขึ้น ให้สังเกตว่ามีอาการุนแรงไหม หรืออาเจียนติดต่อกันหลายๆ ครั้ง ควรให้เด็กดื่มน้ำเยอะๆ และรีบนำส่งโรงพยาบาล
5. แก้อาการด้วยขิง
ขิงนั้นมีสรรพคุณช่วยลดอาการปวด หรือไม่สบายท้อง เป็นส่วนผสมที่ใช้ทำเป็นยาสมุนไพรมานาน โดยนักวิจัยเชื่อว่าสารเคมีในขิง ช่วยให้ระบบย่อยอาหาร หรือกระเพาะ ทำงานได้ดียิ่งขึ้นและยังดีต่อระบบประสาทอีกด้วย
6. ลองกดจุดให้ลูกน้อย
ศาสตร์นี้คล้ายๆ กับการฝังเข็มในแพทย์แผนจีน หากคุณแม่ลองกดจุดให้น้องๆ ลองใช้นิ้วกลาง และนิ้วโป้ง กดลงไปตรงกลางระหว่างเส้นเอ็นทั้งสองเส้น ที่อยู่บริเวณต้องข้อมือของเด็กๆ ได้
7. นำลูกน้อยออกห่างจากกลิ่นแรงๆ
เป็นวิธีง่ายๆ แต่ใช้ได้ผล สำหรับเด็กบางคนอาจจะคลื่นไส้ หรืออาเจียนจากลิ่นแรงๆ เช่น กลิ่นปรุงอาหาร น้ำหอม ควัน ความชื้น และอื่นๆ แนะนำว่าให้ลองพาลูกน้อยไปที่ห้องโปร่ง โล่ง สบายๆ ที่กลิ่นแรงๆ ไม่สามารถเข้าไปได้ อาจจะช่วยให้มีอาการดีขึ้น
8. ให้ลูกน้อยพักผ่อนให้เต็มที่
และวิธีสุดท้ายนั่นก็คือ เมื่อลูกเกิดการอาเจียน อย่าให้เขาเคลื่อนไหวร่างกายหรือทำกิจกรรมอื่นๆ ให้เขาพักผ่อนให้เต็มที่ เพราะการทำกิจกรรมที่ฝืนร่างกายมากเกินไปจะทำให้อาการทรุดได้
นี่ก็คือทั้งหมดที่มาดามนำมาฝากคุณในครั้งนี้สำหรับใครที่อยากไปช้อปปิ้งกันต่อ สามารถไปช้อปกันต่อได้เลยที่ Central Online แหล่งรวมสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำ ที่ให้คุณเลือกช้อปอย่างหลากหลาย