โยคะมีจุดเริ่มต้นมาจากประเทศอินเดียเมื่อหลายพันปีที่แล้ว โดยตกทอดมาเรื่อยๆ จนแพร่หลายและเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ส่วนหนึ่งที่ทำให้ “โยคะ” ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นการออกกำลังที่ใช้อุปกรณ์ไม่มากและใช้พื้นที่น้อย แค่อยู่ในระยะที่พอยืดเหยียดร่างกายได้ ท่าโยคะง่ายๆ ยังสามารถทำได้ในทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็กวัยรุ่นจนถึงผู้สูงอายุ
จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมโยคะถึงเป็นการออกกำลังกายยอดฮิตในปัจจุบัน เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเรามาดูข้อดีและประโยชน์หลักๆ สำหรับการฝึกโยคะกันดีกว่า
⦁ ฝึกความยืดหยุ่นร่างกาย เมื่ออายุมากขึ้นกล้ามเนื้อก็จะยืดหยุ่นน้อยลง ยิ่งกับผู้ที่ต้องยืนหรือนั่งทำงานท่าเดิมทุกๆวันจะเกิดการตึงตามส่วนต่างๆที่ต้องใช้งานมาก โยคะจะช่วยบริหารกล้ามเนื้อ ส่งผลให้สุขภาพและรูปร่างก็จะดีขึ้นไปพร้อมกัน
⦁ ฝึกกล้ามเนื้อสร้างความแข็งแรง ช่วยให้เราสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องตัวยิ่งขึ้น และเมื่อกล้ามเนื้อแข็งแรงก็จะเป็นการลดภาระของข้อต่อในร่างกายทำให้เสื่อมช้าลง อาการปวดตามข้อส่วนต่างๆก็จะลดลงด้วย
⦁ ช่วยจัดระเบียบร่างกายได้ดีขึ้น โยคะคือการกระจายน้ำหนัก สร้างสมดุลให้กับร่างกาย ซึ่งเมื่อเราฝึกจนเกิดความเคยชินแล้ว ร่างกายเราก็จะอยู่ในสภาพที่สมดุลตลอดเวลา หลังตรง บุคลิกดีขึ้นแม้จะอยู่ในช่วงเวลาธรรมดาระหว่างวัน
⦁ ผิวดี ชะลอความเสื่อม เนื่องจากการฝึกโยคะจะทำให้หลอดเลือดขยายตัว หัวใจทำงานดี เลือดสามารถไหลเวียนได้ดีขึ้น ส่งผลให้ผิวดี
⦁ ช่วยให้จิตใจสงบ เพราะการเล่นโยคะต้องใช้สมาธิ ดึงจิตใจให้อยู่กับร่างกายด้วยการกำหนดลมหายใจเข้าออกและเพ่งความรู้สึกไปกับร่างกายทำให้รู้สึกสงบ ลดความเครียดที่เกิดขึ้น
เมื่อทราบข้อดีของการเล่นโยคะแล้ว ลองมาดูท่าโยคะเบื้องต้นสำหรับผู้เริ่มต้นที่อยากลองเล่นกันเลย
1. ท่าภูเขา
- ยืนตรงเท้าชิด ให้ส้นและฝ่าเท้าตรงกัน เหยียดขาให้ตึงโดยลงน้ำหนักทั้งสองข้างให้เท่ากัน เกร็งกล้ามเนื้อท้อง ยืดอก หลัง คอ ให้ตรง ตามองไปด้านหน้า ผ่อนคลายไหล่
- หายใจเข้าออกลึกๆ หันฝ่ามือเข้าหากันแล้วชูขึ้นด้านบน เหยียดให้สุด
2. ท่าต้นไม้
- ยืนตรงทิ้งมือลงข้างลำตัว ยกขาขวางอขึ้น จับฝ่าเท้าขึ้นแนบกับต้นขาด้านซ้ายปลายเท้าขวาชี้ลงพื้น ลงน้ำหนักที่เท้าซ้ายโดยทรงตัวยืนให้อยู่
- เมื่อสมดุลร่างกายได้แล้ว ยกมือหรือพนมมือชูขึ้นเหนือศีรษะ หายใจเข้าออกลึกๆประมาณ 10 ครั้ง และสลับทำอีกข้าง
3. ท่าสะพาน
- นอนหงายราบลงกับพื้น ฝ่ามือคว่ำแนบขนานข้างลำตัว งอเข่าโดยให้เข่าอยู่เหนือส้นเท้า ฝ่าเท้าแนบติดกับพื้น
- หายใจออก ยกสะโพกขึ้นให้ต้นขาขนานกับพื้น คางแตะอก โดยทำค้างไว้ 1 นาที
4. ท่าตรีโกณ
- แยกเท้าออกให้กว้างประมาณ 2 ช่วงไหล่ หันเท้าข้างขวาหมุนไป 90 องศา เท้าซ้ายหมุนออกเล็กน้อย ยกแขนกางขึ้นระดับไหล่โดยคว่ำฝ่ามือลง
- หายใจออกช้าๆและค่อยๆเอียงตัวใช้แขนขวาแตะลงไปที่ข้อเท้าขวา แขนซ้ายเหยียดชี้ขึ้นด้านบนให้เป็นแนวเดียวกัน หันหน้าเงยขึ้นไปมองมือข้างซ้าย หายใจเข้าออก 5 ครั้งแล้วเปลี่ยนข้าง
5. ท่าวีระ
- นั่งลงบนส้นเท้าโดยหงายฝ่าเท้าขึ้น เข่าทั้งสองชิดกันแนบไปกับพื้น มือหงายขึ้นวางไว้บนตัก
- ค่อยๆแยกขาทั้งสองข้างออกโดยเข่ายังติดพื้น ทิ้งตัวให้สะโพกแตะกับพื้น หายใจเข้าออก 5 ครั้งนั่งบนส้นเท้า เข่าชิดกัน หากเจ็บเท้าอาจจะปูผ้ารองพื้น
6. ท่านักรบ
- ยืนแยกขาออกและกางแขนให้ขนานกับพื้น หันเท้าข้างซ้ายหมุนไป 90 องศา เท้าขวาหมุนมาทางซ้ายเล็กน้อย งอเข่าซ้ายลงจนสะโพกและเข่าซ้ายอยู่ในระดับเดียวกัน ในแนวตั้งเข่าซ้ายจะตรงกับส้นเท้า
- ขาขวาเหยียดตรงเหยียดแขนสองข้างกางออกขนานไปกับขา หันหน้าไปทางซ้ายและมองปลายนิ้ว ค้างไว้ 1 นาทีแล้วเปลี่ยนข้าง
7. ท่าไม้กระดาน
- นอนคว่ำลงกับพื้น มือทั้งสองวางข้างลำตัว
- งอศอก ใช้ฝ่ามือดันตัวยกขึ้นมาจนแขนเหยียดตรง เกร็งลำตัวให้ตรงเหนือพื้น ตามองไปด้านหน้า ค้างไว้ 1 นาที
โยคะเป็นการออกกำลังที่ใช้เวลาและพื้นที่น้อย เริ่มต้นง่าย ใช้อุปกรณ์ไม่มากแค่มีเสื่อโยคะซักผืน และใส่ชุดสำหรับออกกำลังที่คล่องตัวก็สามารถเริ่มต้นได้เลย หรือถ้าฝึกจนชำนาญแล้วอาจจะลองท้าทายตัวเองด้วยการซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติมใหม่ๆแล้วฝึกท่าที่ยากขึ้นอีกซักนิดก็ยังได้
Must-Have Sports Items!