มาดามเชื่อว่าคุณผู้ชายหลายๆ คนให้ความสำคัญกับทรงผมของตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ภาพลักษณ์ออกมาในลักษณะที่ต้องการ และมาดามเชื่อว่าผู้ชายหลายๆ คนมักจะเลือกไว้ทรงผมที่ดูแลง่าย แต่ดูคูล ดูดี กันเป็นส่วนใหญ่ ตามไลฟ์สไตล์ของผู้ชายส่วนใหญ่ที่เน้นความเรียบง่าย และทำให้การออกมาทำงานในทุกๆ เช้าเป็นไปอย่างสะดวกสบาย ดังนั้น ในวันนี้มาดามจึงนำ 15 ทรงผมผู้ชายสายฝอประจำปี 2567 ที่ดูแลง่าย แทบไม่ต้องเซ็ตก็เป็นทรงแล้ว มาเป็นไอเดียให้หนุ่มๆ กัน จะมีทรงอะไรกันบ้าง ตามมาดามมาดูกันเลย
No.1 – Hair Style: Classic Crew Cut
มาเริ่มกันที่ทรงแรกกันเลยอย่างทรง Crew Cut ทรงนี้มีความคล้ายคลึงกับสกินเฮดแต่ความยาวของเส้นผมจะมากกว่า โดยทั้งด้านบนและด้านข้างจะมีความยาวเท่ากัน เมื่อตัดออกมาแล้วจะให้ลุคที่ดูเนี้ยบ แถมยังไม่ต้องดูแลเยอะ ออกจากบ้านได้เลยโดยไม่ต้องเซ็ตผมให้ยุ่งยาก หนุ่มๆ คนไหนที่ชอบอะไรเรียบง่าย เรียกว่าห้ามพลาดเลยล่ะ
No.2 – Hair Style: Mid-Length Crew Cut
ยังคงอยู่กับทรงผม Crew Cut แต่จะเป็นการไว้ผมด้านหน้ายาวขึ้นมาอีกเล็กน้อย ซึ่งจะเหมาะกับคนที่มีผมหนาที่อยากไว้ทรงนี้ ถ้าไว้แบบแรกเลย สำหรับคนผมหนาอาจจะออกมาดูไม่บาลานซ์เท่าที่ควร และจะดูไม่ค่อยเนี้ยบเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณด้วยว่าชอบแบบไหน
No.3 – Hair Style: Updo
มาต่อกันด้วยทรงผมที่เรียกว่า “Updo” โดยทรงนี้จะอยู่ผมด้านบนที่ไว้ให้ยาวราวๆ 1.5 นิ้ว ส่วนด้านข้างและด้านหลังผมจะตัดสั้นทั้งหมด ซึ่งเป็นทรงผมที่ Chris Lane เคยตัดนั่นเอง สำหรับการเซ็ตผมสำหรับทรงนี้ง่ายมากๆ ไม่ซับซ้อนเลย คือปาดขึ้นไปให้ผมตั้ง แต่ถ้าอยากได้ทางการหน่อยก็ปาดเป๋ไปด้านข้างก็เป็นอันเรียบร้อย
No.4 – Hair Style: Number 3 Buzz
ทรงผม Buzz คือทรงผมที่มีลักษณะสั้นเกรียน แต่ Number 3 Buzz คือการไว้ผมให้ยาวขึ้นมาหน่อย (ปัตตาเลี่ยนเบอร์ 3) เป็นอีกหนึ่งทรงผมที่แสนจะเรียบง่าย ตัดแล้วสบาย เหมาะกับอากาศร้อนของประเทศไทย แถมยังไม่ต้องเซ็ตผมอีกด้วย ให้ลุคที่ทะมัดทะแมง เหมาะสำหรับคนผู้ชายที่มีรูปของศีรษะทุย
No.5 – Hair Style: Classic Taper
หลายคนมักจะสับสนระหว่างทรง Taper และ Fade เพราะมีจุดร่วมที่เหมือนกันก็คือการไล่ชั้นผมนั่นเอง แต่สิ่งที่แตกต่างกันและสังเกตได้ง่ายที่สุดของสองทรงนี้ คือ Taper จะไล่ระดับของผมไม่ถึงกับสั้นเกรียนเหมือนกับ Fade นั่นเอง ถ้าใครอยากเห็นภาพชัดๆ สามารถคลิ้ก ที่นี่ เพื่อไปอ่านรายละเอียดต่อได้เลย สำหรับทรง Taper ก็เป็นอีกทรงที่น่าสนใจเพราะไม่ต้องเซ็ตผมมากก็หล่อได้แล้วจากการไล่ระดับของผมนั่นเอง มอบลุคที่ดูโฉบเฉี่ยวให้กับคุณผู้ชายได้อย่างชัดเจน
No.6 – Hair Style: Close Crop
เป็นทรงผมที่หลายๆ คนมักจะเรียกติดปากกันว่าทรงกะลา แต่เป็นการปรับให้ดูทันสมัยขึ้น โดยเจ้าทรง Close Crop นี้จะเน้นไปในเรื่องของความสบาย ไม่ต้องเซ็ตผมให้ยุ่งยาก มอบลุคที่เคร่งขรึมให้กับหนุ่มๆ โดยจะเหมาะสำหรับคนที่มีหน้ากลม (รูปหน้าอื่นก็ตัดได้นะ) เพราะจะทำให้ใบหน้าดูมีมิติมากยิ่งขึ้น และสำหรับใครที่มีหน้าผากกว้างก็สามารถปกปิดได้เป็นอย่างดี
No.7 – Hair Style: Classic Quiff
ทรงผม Quiff มีลักษณะคล้ายกับทรง Pompadour ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทรงที่หนุ่มๆ หลายคนมักจะไว้กัน เพราะทำให้ผู้ที่ตัดดูหล่อ โดดเด่น และทันสมัยมาก แถมยังไม่แฟชั่นจนเกินไปอีกด้วย เน้นความคล่องตัว เหมาะกับทุกๆ คน ทุกรูปหน้า ทุกสภาพเส้นผม แมตช์กับเสื้อผ้าได้หลากหลาย และการเซ็ตก็ไม่ยุ่งยากอีกด้วย
No.8 – Hair Style: Long Quiff
เป็นทรงผม Quiff เช่นเดียวกันแต่จะไว้ให้ยาวกว่า Classic Quiff ซึ่งจะให้ลุคเดียวกัน แต่ดูติสท์มากกว่า เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเซ็ตผมได้หลายๆ แบบและต้องการไว้ผมยาวขึ้นมาเล็กน้อย ส่วนเรื่องการดูแลรักษาก็เหมือนกับ Classic Quiff เลย
No.9 – Hair Style: Tousled Quiff
ยังคงอยู่กับมทรงผม Quiff เช่นเดิมแต่ Tousled Quiff จะเป็นการทำให้ผมด้านบนดูมีวอลุ่ม มีความเป็นคลื่น (Wavy) เพื่อทำให้ลุคที่ได้ดูโดดเด่นมากขึ้น จนแทบจะไม่ต้องเซ็ตเลย เพราะดูเท่อยู่แล้ว ถ้าใครที่ไม่ค่อยชอบเซ็ตผม แนะนำทรงนี้เลย
No.10 – Hair Style: Classic Undercut
ทรง Undercut ไม่ว่ายังไงๆ ก็ยังเป็นทรงที่ต้องมาติดอยู่ในลิสต์ด้วยเสมอ เพราะเป็นทรงที่ไว้แล้วดูแลง่ายจริงๆ โดยจุดเด่นจะเป็นทรงผมเปิดข้างที่มีความสั้นเกรียน เรียบง่ายแต่ดูดีมีสไตล์ เหมาะกับทุกรูปหน้า ช่วยทำให้ใบหน้าของคุณมีมิติมากยิ่งขึ้น
No.11 – Hair Style: Textured Undercut
ยังคงอยู่กับทรง Undercut เช่นเดิม แต่ในรอบนี้จะเป็น Textured Undercut ที่ด้านข้าง ด้านหลังผมก็ยังคงเหมือนเดิม แต่สิ่งที่แตกต่างคือผมด้านบนที่จะทำให้มี Texture อาจเป็นการซอยผมด้านบนกรณีที่เป็นคนขี้เกียจเซ็ต และแบบที่ใช้การเซ็ตผมเข้ามาช่วย ตามภาพเลย เหมาะสำหรับคนที่มีผมเส้นเล็ก ผมตรง ที่อยากให้ผมมีความเป็นริ้วๆ พลิ้วๆ แบบคนผมหยักศก
No.12 – Hair Style: Slick Back Undercut
ยังคงอยู่กับทรง Undercut แต่จะปรับเปลี่ยนลูกเล่นด้านบนให้เป็นแบบ Slick Back มีจุดเด่นตรงการเซ็ตผมที่ง่ายมากๆ เพียงแค่ปาดเจลหรือโพเมดลงไปบนผมให้เรียบก็จะเกิดแป็นทรงนี้ขึ้น และผมด้านข้างจะเป็นแบบ Undercut ซึ่งจะทำให้ผมด้านข้างและด้านบนมองเห็นได้อย่างชัดเจน ตอบโจทย์หนุ่มๆ คนไหนก็ตามที่ขี้เกียจเซ็ตผมให้ยุ่งยากก่อนออกจากบ้าน ซึ่งแนะนำว่าเพื่อให้ผมทรงนี้ออกมาเพอร์เฟคต์ที่สุดต้องไว้ผมด้านบนให้ยาวประมาณ 4 -5 นิ้วเสียก่อน
No.13 – Hair Style: Low Fade
Low Fade หรือที่คนไทยเรียกกว่า “รองทรงต่ำ” ก็เป็นอีกหนึ่งทรงที่มาดามแนะนำให้คุณตัด เพราะเป็นทรงที่ดูแลรักษาง่ายมากๆ โดยจุดเด่นจะอยู่ตรงการแบ่งผมออกเป็น 3 ชั้น และไล่ระดับผม ตรงส่วนฐานจะอยู่ต่ำกว่าติ่งหู ส่วนผมด้านหลังก็ทำให้ขาวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และด้านบนไว้ได้อย่างอิสระ ลุคที่ได้จากทรงนี้จะเป็นลุคที่ค่อนข้างเรียบร้อย เหมาะสำหรับในหลายๆ โอกาส และถ้าไว้ด้านบนยาวมากๆ ยังทำได้หลายทรงอีกด้วย
No.14 – Hair Style: Curtained
ทรง Curtained หรือที่หลายๆ คนรู้จักนั่นก็คือทรงแสกกลางนั่นเอง เป็นทรงผมที่อยู่คู่กับชายไทยมานาน เป็นหนึ่งในทรงผมที่คลาสสิกมากๆ มีมาตั้งแต่สมัยยุค 90 ที่มีความเท่และความแมนสุดๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทรงที่ทำให้เกิดความคล่องตัว และแทบไม่ต้องเซ็ตอะไรเลย ถ้าใครยังไม่เคยลองทำผมแสกกลางต้องแล้วล่ะ ซึ่งการทำผมแสกกลางนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธีเลย ลองหากันดูนะ หรือจะตัดตามภาพประกอบด้านบนนี้เลยก็ได้นะ
No.15 – Hair Style: Ivy League
ทรงผมนี้จะเน้นความสั้นเป็นหลัก โดยจะมีการไว้ผมด้านบนให้ยาวในระดับหนึ่งพอให้หวีเป๋ไปข้างใดข้างหนึ่งเท่านั้น เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ลุคที่เรียบร้อย สมาร์ท มีภูมิฐาน เป็นทรงผมที่มีต้นกำเนิดมาจากไลฟ์สไตล์ของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกา เป็นอีกหนึ่งทรงผมที่ดูแลง่าย ไม่ต้องเซ็ตผมอะไรมากมายก่อนออกจากบ้าน
อุกรณ์ตัดผมที่น่าสนใจ
สำหรับใครที่ไม่อยากเข้าร้านตัดผม หรือนำแบบไปลองตัดกับใคร มาดามก็มีไอเท็มสำหรับตัดผมที่น่าสนใจมาฝากคุณด้วย ดังนี้
เครื่องตัดผมไฟฟ้า ปัตตาเลี่ยน รุ่น 3S แบตเตอรี่ 600 mAh สีดำ
ราคา: 1,699 1,109 (ประหยัด 35%)
ปัตตาเลี่ยนไฟฟ้า
ราคา: 3,690 2,955 (ประหยัด 20%)
ปัตตาเลี่ยน Quick Cut Hair Clipper รุ่น HC-4250
ราคา: 4,950 3,960 (ประหยัด 20%)
และนี่ก็คือทั้งหมดที่มาดามนำมาฝากคุณผู้ชายในครั้งนี้ หวังว่าคงพอได้ไอเดียในการตัดผมรอบหน้ากันแล้ว สำหรับใครที่อยากไปช้อปปิ้งกันต่อ สามารถไปกันต่อได้เลยที่ Central Online แหล่งรวมสินค้าพรีเมี่ยมที่มีให้คุณเลือกอย่างหลากหลาย