นับเป็นข่าวดังที่ ชวนขนลุกขนพองไปทั่ว เมื่อข่าวงูเข้าบ้านพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศมีให้เห็นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นบ้านสวน บ้านไร่ บ้านเดี่ยว หรือผู้ที่อยู่อาศัยอยู่ในคอนโด งูสามารถเลื้อยเข้าบ้านได้ ทำเอาเราคนฟังข่าวอดหวาดเสียว และหวาดกลัวว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับที่บ้านเราบ้างสักวันหนึ่ง
น่าสงสัยสียจริงๆ ว่าทำไมงูมันชอบเข้าบ้าน ชอบไปซุกตัวอยู่ตามซอกหลืบต่างๆ อยู่ในโถสุขภัณฑ์ ทั้งๆ ที่หลายบ้านไม่ได้มีต้นไม้รก หรือไม่ได้มีข้าวของซุกไว้เยอะ จนเป็นแหล่งที่งูชอบแอบเข้าไปหลบซ่อน และสร้างอาณาจักรของตนเอง
เพื่อป้องกันตัวเองจากสถานการณ์งูเลี้อยเข้าบ้าน หรือไปแอบซ่อนตัวอยู่ในบ้าน วันนี้ Central Inspirer มีคำแนะนำมาฝาก หากคุณต้องเผชิญหน้ากับงูในบ้านพร้อม 10 วิธีป้องกันงูเข้าบ้าน จะทำอย่างไรให้ปลอดภัย มาดูกันเลยค่ะ
ความเชื่อเรื่องงูเข้าบ้านของไทย
ก่อนจะไปเข้าเรื่องกัน มาดามขอเปิดด้วยเรื่องสนุกๆ อย่างเรื่อง “ความเชื่อ” ค่ะ เวลามีตัวอะไรเข้าบ้าน มักจะมีคำทำนายต่างๆ เสมอ เช่น ผึ้งเข้าบ้าน หมาเข้าบ้าน ตัวเงินตัวทองเข้า รวมไปถึงงูเข้าบ้าน สำหรับความเชื่อเรื่องงูเข้าบ้านนั้น มีการตีความออกไปหลายความหมายมากๆ โดยมาดามจะขอแบ่งออกมาเป็น “ลางดี” และ “ลางร้าย”
ลางดี
- โชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง: บางพื้นที่เชื่อกันว่า เมื่องูเข้ามาภายในบ้าน จะนำมาซึ่งโชคลาภ การเริ่มต้นสิ่งใหม่
- บรรพบุรุษมาเยี่ยม: บางคนก็เชื่อว่า งูเป็นสัญลักษณ์ของบรรพบุรษ กลับมาเยี่ยมลูกหลาน เพื่อปกป้อง คุ้มครอง
ลางร้าย
- จะเกิดเรื่องร้ายในครอบครัว: บางคนก็ตีความเป็นเรื่องไม่ดี อาจมีการสูญเสีย หรือเกิดความขัดแย้งในครอบครัว
- จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ไม่ดี: มีหลายคนเชื่อกันว่า เมื่องูเข้าบ้าน จะเกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิตในทางที่แย่ลง เช่น การเงินมีปัญหา
ความเชื่อผิดๆ เรื่องงูกลัวอะไร
ยังอยู่กับเรื่องความเชื่อ โดยจะเป็นเรื่องงูกลัวอะไร หลักๆ จะมี 2 อย่างค่ะ
- งูกลัวมะนาว – ไม่เป็นความจริง โดยมีรายการที่เชี่ยวชาญเรื่องงูพิสูจน์เรื่องนี้ให้ดู ปรากฏว่างูเลื้อยผ่านได้ปกติ
- งูกลัวเชือกกล้วย – มีคนเชื่อว่าการนำเชือกกล้วยมารัดงู จะทำให้งูอ่อนแรง จริงๆ ไม่ได้เป็นเพราะอภินิหารของเชือกกล้วยแต่อย่างใด แต่เพราะมันแน่นเกิน ทำให้งูดิ้นไม่หลุด สุดท้ายก็หมดแรงไปเองนั่นเอง
- งูกลัวต้นไม้ 5 ชนิด – ประกอบไปด้วย ต้นจิงจูฉ่าย, กุยช่ายประดับ (กุยช่ายม่วง), ต้นดาวเรือง, ต้นฟ้าทะลายโจร ต้นระย่อม หรือแม้กระทั่งต้นไม้ที่มีหนามและต้นไม้ที่มีกลิ่น ไม่เป็นความจริง ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ถ้าเอาตามหลักความเป็นจริงสิ่งที่งูกลัวจริงๆ คือสารเคมีที่มีกลิ่นฉุนค่ะ เช่น น้ำมันก๊าด, ผงกำมะถัน ซึ่งรายละเอียดจะอยู่ด้านล่างนี้แล้วค่ะ
งูที่มักพบได้บ่อยในไทย
อีกหนึ่งของแถมในวันนี้ มาดามมีชนิดงูที่มักพบได้บ่อยมาฝากด้วยค่ะ โดยจะขอแบ่งเป็นงูมีพิษ และไม่มีพิษ ดังนี้
ชนิดงู | ที่อยู่ | มีพิษ / ไม่มีพิษ |
งูเห่า | ออกหากินตอนกลางคืน อาศัยอยู่ตามจอมปลวก ทุ่งนา และบริเวณที่ชื่้น | มีพิษ |
งูจงอาง | มักจะอยู่ใกล้แหล่งน้ำ | มีพิษ |
งูเขียวหางไหม้ท้องเหลือง | อาศัยอยู่ตามต้นไม้หรือใกล้แหล่งน้ำ | มีพิษ |
งูกะปะ | มักจะอยู่ตามซอกหิน ใต้ใบ้ไม้แห้ง พื้นที่ลุ่ม ป่าชื้น | มีพิษ |
งูแมวเซา | โพรงดิน ซอกหิน ทุ่งหน้า พงหญ้า ที่แห้ง | มีพิษ |
งูทับสมิงคลา | อาศัยตามพื้นดิน ใกล้แหล่งน้ำ หรือที่ความชื้นสูง | มีพิษ |
งูสามเหลี่ยม | ชอบอยู่ตามที่ลุ่ม ทุ่งนา ป่าชายเลน | มีพิษ |
งูเหลือม | บนต้นไม้ พื้นที่ชุ่มน้ำ | ไม่มีพิษ |
งูหลาม | ป่าชายเลน ป่าดิบชื้น ทุ่งหญ้า ป่าใกล้ลำธาร บึงและแม่น้ำ | ไม่มีพิษ |
งูแสงอาทิตย์ | ผิวดิน ใต้ก้อนหิน ตอไม้ ป่าดิบแล้ง | ไม่มีพิษ |
ทำอย่างไรให้ปลอดภัยเมื่องูเข้าบ้าน
โดยปกติแล้ว พฤติกรรมทั่วไปของงูจะเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่กลัวมนุษย์ งูมักจะชอบหลบซ่อนตัวอยู่เสมอ ในกรณีที่พบเจองูตามที่ต่างๆ ภายในบ้าน มักเกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ สิ่งสำคัญคือ เราต้องเข้าใจพฤติกรรมและธรรมชาติของงู
จากคำแนะนำของนายสัตวแพทย์ทักษะ เวสารัชชพงศ์ จากสวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย กล่าวว่า “ด้วยความเชื่อ และการสั่งสอนของคนรุ่นเก่า ทำให้เรารู้สึกว่างูเป็นสัตว์ที่อันตราย น่ากลัว ไม่ควรจะเข้าใกล้ อันที่จริงแล้ว สัตว์ทุกชนิดมีอันตรายในตัวของมันเอง งูบางชนิดอาจไม่มีพิษ หรือมีพิษที่อาจอันตรายถึงชีวิต ซึ่งถ้าไม่รู้จักมันจริงๆ ก็ไม่ควรไปเกี่ยวข้อง เมื่อเผชิญหน้ากับงู ไม่ว่าจะเป็นงูเขียวตัวเล็กๆ หรืองูพิษตัวใหญ่ ไม่จำเป็นจะต้องฆ่ามันเสมอไป การป้องกันตัวเองจากงูอย่างปลอดภัยคือ อยู่ให้ห่าง และหากมีโอกาส ควรทำความรู้จักงูให้มากขึ้น เพราะงูไม่ได้เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีนิสัยก้าวร้าวอย่างที่เราคิด” หากต้องเผชิญหน้ากับงูเข้าจริงๆ นายสัตวแพทย์ทักษะมีข้อปฏิบัติที่ถูกต้องมาแนะนำดังต่อไปนี้
1. ตั้งสติ
เมื่อเผชิญหน้ากับงูที่อยู่ภายในบ้าน อันดับแรก ต้องตั้งสติก่อน พร้อมรักษาระยะห่างไว้ อย่าไปตีงูโดยไม่จำเป็น เพราะอาจเสี่ยงต่อการถูกงูฉกกัดได้
2. ควบคุมพื้นที่ของงู
วิธีที่ถูกต้องคือ ควบคุมพื้นที่ของงูให้อยู่ในห้อง พื้นที่จำกัด หรือพื้นที่ปิด แล้วจึงค่อยเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยจับ ถ้าเราไม่กันพื้นที่ไว้ งูอาจจะเลี้อยหายไปจนหาไม่เจอ หรือหากเจองูที่นอนขดอยู่เฉยๆ ให้ใช้กะละมังหรือถังใบใหญ่ครอบไว้ แล้วจึงค่อยเรียกเจ้าหน้าที่มาจับ แต่ต้องไม่ตากแดด ไม่อย่างนั้นงูอาจร้อนตายได้
3. เว้นระยะห่าง
ในกรณีที่พบเจอกับงูพิษอย่างงูเห่า หรืองูเขียวหางไหม้ งูพิษเหล่านี้มักออกอาการเตือนเราด้วยการแผ่แม่เบี้ย พยายามรักษาระยะห่างไว้ก่อน อย่าไปตีหรือไล่ เพราะอาจทำให้โดนฉกกัดได้ หากเป็นงูเขียวหางไหม้ที่มักหลบซ่อนตัวอยู่ตามพุ่มไม้ โอกาสที่จะพลาดแล้วโดนกัดมีมากกว่า ดังนั้น วิธีป้องกันคือ ถ้าจะเข้าพุ่มไม้หรือจุดที่ไม่แน่ใจ ให้หาไม้แหย่ หรือเคาะแรงๆ ก่อน จะทำให้งูขยับตัวออกมาให้เราเห็น
ไม่มีใครบอกได้ว่าบ้านเราจะแจ็คพอตเจองูเลื้อยเข้าบ้าน หรือพบงูหลบซ่อนตามซอบหลืบต่างๆ กันเมื่อไหร่ แต่หากสถานการณ์นั้นเกิดขึ้น เราจะหาวิธีป้องกันงูเข้าบ้านอย่างไร มาดูกัน
10 วิธีป้องกันงูเข้าบ้าน
1. จัดสวน หรือต้นไม้บริเวณบ้านให้เรียบร้อย
บ้านที่มีพื้นที่สวน มีสนามหญ้า หรือมีต้นไม้มากมาย ควรจัดพื้นที่สวน บริเวณที่มีต้นไม้ หรือพุ่มไม้รอบบ้านให้มีความสะอาด โปร่งตา ไม่ปล่อยให้รกจนเกินไปเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งที่หลบอาศัยของงูที่จะแฝงตัวอยู่ตามโคนต้นไม้ พงหญ้าที่ไม่ได้รับการดูแล หรือเศษหิน เศษไม้ที่วางทับซ้อนกันซึ่งเป็นพื้นที่เหมาะแก่การอาศัยของงูเป็นอย่างดี
2. ปลูกต้นไม้ต้านงู
การปลูกพืชต้านงูเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยป้องกันงูเข้าบ้าน ต้นไม้ที่งูไม่ชอบมีอยู่หลายพันธุ์ เช่น ต้นฟ้าทะลายโจร หรือหญ้ากันงู ต้นระย่อม ต้นจิงจูฉ่าย ว่านพญานาคราช ต้นดาวเรือง ต้นมะกรูด หรือต้นลิ้นมังกร เป็นต้น ต้นไม้เหล่านี้หลายพันธุ์มีคุณสมบัติที่หากตัวงูเลื้อยผ่าน รากหรือพุ่มใบจะทำให้ผิวหนังของงูเกิดอาการปวดบวม ทำให้งูไม่กล้าเข้ามาใกล้บริเวณนั้น เราสามารถปลูกพืชต้านงูไว้รอบๆ บ้านเพื่อตกแต่งสวน หลายพันธุ์เป็นสมุนไพร และไม้มงคล ปลูกง่าย ไม่ต้องเลี้ยงดูมาก แถมช่วยป้องกันบ้านจากงูได้อีกด้วย
3. ทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ
ควรทำความสะอาดภายในและรอบบ้านให้สะอาด และดูโปร่งโล่งสบายอยู่เสมอ ภายในบ้านควรมีการจัดสรรพื้นที่ใช้งานให้มีความเหมาะสม หมั่นดูแลทำความสะอาดเป็นประจำ ไม่ให้มีพื้นที่มุมอับ หรือมุมมืดที่ทึบจนเกินไปเพื่อไม่ให้มีที่ซ่อนตัวของงู รวมทั้งเพื่อไม่ให้มีหนูที่เป็นอาหารของงูแอบซ่อน หรืออาศัยอยู่ บ้านรกเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่งูชอบเข้ามาอาศัยภายในบ้านนะคะ
4. อุดช่องว่างต่างๆ ภายในบ้าน
อุดรอยโหว่ หรือช่องแตกตามผนัง ตามมุมที่ลับตา หรือหลังตู้ที่มีช่อง รวมทั้งซอกหลืบต่างๆ ที่งูสามารถหลบซ่อนตัวเข้าไปใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้ ต้องมีการสำรวจพื้นที่รอบบ้านทั้งภายในและภายนอกอยู่เสมอ พบเจอช่องโหว่ ให้ทำการอุดรูนั้นไว้เพื่อไม่ให้งูได้มีพื้นที่หลบซ่อน และอาศัยอยู่อีกต่อไป
5. สัตว์เลี้ยงประจำบ้าน
หาสัตว์เลี้ยงที่เป็นศัตรูของงู เช่น สุนัข แมว หรือห่านมาเลี้ยงเพื่อเป็นตัวช่วยป้องกันงูเข้ามาอาศัยภายใน หรือบริเวณรอบบ้าน สัตว์เลี้ยงเหล่านี้สามารถป้องกันเจ้าของบ้านเวลาเจองูภายในบ้านได้ โดยปกติแล้ว งูเป็นสัตว์ที่ชอบความสันโดษ หากเจอสัตว์เลี้ยงที่อยู่ภายในบ้าน งูก็จะเลี่ยงออกไปเองตามธรรมชาติ โดยไม่เกิดการปะทะกันหากไม่จำเป็น สัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข เมื่อเผชิญหน้ากับงู มักจะไม่นิ่งเฉย สุนัขมักจะส่งเสียงเห่า ทำให้งูตกใจและหนีไปเอง ดังนั้น ควรเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เพราะสามารถช่วยป้องกันงูได้อีกทางหนึ่ง
6. กำจัดแหล่งอาหาร และแหล่งที่อยู่อาศัยของงู
หนูเป็นสัตว์ที่ชอบความสกปรก และมักจะอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีความอับชื้น และทับถมด้วยกองเศษไม้ เศษกระดาษ ลัง หนังสือเก่า หรือสิ่งของที่ไม่ใช้แล้ววางกองกันเป็นเวลานานปี งูเองก็ชอบที่จะหาแหล่งอาหารตามบ้านที่มีหนูอาศัยอยู่เช่นกัน ดังนั้น ควรกำจัดแหล่งอาหารของงูโดยการทำ 5 ส. คือ สะสาง สะดวก สะอาด สุขลักษณะ และสร้างนิสัยอยู่เสมอ ปรับพื้นที่ภายในบ้านให้ดูสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมทั้งควรกำจัดแหล่งที่อยู่ของงู โดยการทำลายแหล่งที่คาดว่างูจะเข้ามาทำรัง หรืออยู่อาศัย เช่น พงหญ้า พุ่มไม้รกๆ หรือตอไม้ผุ จัดการตัด หรือทำลายให้หมด โพรงใต้บ้าน ก็เป็นแหล่งอาศัยที่งูชอบเข้าไปอยู่เช่นกัน บางทีอาจมีการวางไข่อีกด้วย โพรง หรือรูต่างๆ ตามสนามหญ้า หรือขอบรั้วต้องถมให้หมด เพื่อไม้ให้งูเข้าไปอยู่ได้ รวมทั้งท่อระบายน้ำ ต้องใส่ตะแกรงกั้นไว้ เพื่อไม่ให้งูเข้าใช้เป็นเส้นทางเข้ามาในบ้าน
7. ใช้ตาข่ายดักงู แผ่นกันงู หรือเครื่องไล่งู
จัดวางตาข่ายเพื่อดักงูไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ที่เราจำกัดไว้ เช่น ตามริมรั้วรอบบ้าน พื้นที่อาศัยของสัตว์เลี้ยง เช่น ไก่ ห่าน หรือสุนัข โดยใช้ตาข่ายมีตาถี่ๆ เพื่อป้องกันงูขนาดเล็กเล็ดลอดเข้าไปได้ เมื่องูเลื้อยเข้ามาติดตาข่ายไปไหนไม่ได้ เราสามารถเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยมารับงูไปได้เลย
หรืออาจเลือกใช้แผ่นกันงู ที่สามารถซื้อได้ทั่วไป แผ่นกันงูมักจะใช้ป้องกันงู หรือสัตว์เลื้อยคลานขึ้นไปบนเสาไฟฟ้า เมื่องูเลื้อยขึ้นไปเจอแผ่นกันงู จะเกิดความลื่นไม่สามารถไปต่อได้ และตกลงมาเอง
เครื่องไล่งู ก็ถือเป็นเครื่องมือทันสมัยที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน ด้วยหลักการการทำงานแบบสั่นในบริเวณพื้นที่ติดตั้ง ทำให้งูรู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะคิดว่ามีการเคลื่อนไหวในพื้นที่บริเวณนั้น จึงไม่เข้าใกล้และจะหลีกหนีไปโดยเร็ว
8. ใช้ผงกำมะถัน
นำผงกำมะถันผสมน้ำในอัตราส่วนที่พอเหมาะ ไม่เจือจางจนเกินไป หรือผงกำมะถันโดยตรง สามารถไล่งูได้ เมื่องูเลื้อยผ่านหรือเข้ามาใกล้บริเวณพื้นที่ที่เราโรยผงกำมะถัน กลิ่นฉุนของกำมะถันจะทำให้งูหนี หรือเลี่ยงไปทางอื่นได้
9. ราดน้ำมันกลิ่นฉุนรอบบ้าน
ราดน้ำมันที่มีกลิ่นฉุน เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันก๊าด น้ำมันสน หรือน้ำมันรถ เป็นต้น รอบบริเวณบ้าน รวมถึงพื้นที่เสี่ยงที่คิดว่าจะเป็นทางผ่าน หรือที่อยู่อาศัยของงู เพื่อให้พวกมันหลีกหนีออกไปจากพื้นที่ และไม่มารบกวนอีก แต่ควรหมั่นตรวจสอบและทำเป็นประจำสม่ำเสมอ เพราะเมื่อกลิ่นของน้ำมันเจือจางงูอาจกลับมาได้อีก ข้อควรระวังคือ ควรราดในตอนที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ภายในบ้าน เพราะกลิ่นฉุนอาจทำให้เกิดปัญหากับผู้อยู่อาศัยได้
10. ใช้มะกรูด
ผลมะกรูดเป็นสมุนไพรตามธรรมชาติที่หาได้ง่ายในเกือบทุกบ้าน กลิ่นของมะกรูดมีความเป็นกรดทำให้เมื่องูได้รับสารนี้แล้ว จะไม่อยากเข้าใกล้พื้นที่บริเวณนี้ ด้วยวิธีการง่ายๆ คือ นำผลมะกรูดมาผ่าซีก แล้วนำไปวางไว้ตามจุดต่างๆ ที่คิดว่างูน่าจะเลื้อยผ่าน หรือมีความเสี่ยงที่งูจะเข้ามาได้ สามารถใช้ใบมะกรูดร่วมด้วย เพราะงูกก็เกลียดใบมะกรูดเช่นกัน
สายด่วนขอความช่วยเหลือเมื่องูเข้าบ้าน
สุดท้ายและท้ายสุด เมื่อคุณเห็นงูเลื้อยอยู่ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นงูเล็ก หรืองูตัวใหญ่ งูพันธุ์ใดก็ตาม ไม่ควรแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ให้จับตามองงูไว้ว่ามันเลื้อย หรือซ่อนตัวอยู่ที่ไหน แล้วโทรขอความช่วยเหลือ แจ้งหน่วยกู้ภัยที่เบอร์ 199 หน่วยกู้ภัยจะมีอุปกรณ์ในการจับงูและสัตว์มีพิษต่างๆ ครบครัน อีกทั้งยังมีความชำนาญในการจับงูและสัตว์ไม่พึงประสงค์ที่เข้ามาในบ้านของเราอีกด้วย
และถึงแม้ว่าเราจะมีวิธีป้องกันงูเข้าบ้าน หรือหลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านด้วยกรรมวิธีต่างๆ เราก็ต้องอยู่บ้านด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะบ้านสวน บ้านที่มีข้าวของ หรือต้นไม้ขึ้นรก หากคุณพบงูภายในบ้าน การฆ่างูไม่ใช่คำตอบ สิ่งมีชีวิตทุกตัวล้วนรักชีวิตของมัน คุณควรหาวิธีล้อมงูไว้ จับตา แต่อยู่ให้ห่างแล้วแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาจัดการจะเป็นการดีที่สุด ข่าวงูเข้าบ้านมีให้เห็นอยู่ทั่วไปทุกวัน หากคุณไม่อยากให้บ้านของคุณเป็นหนึ่งในนั้น แนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำ เพื่อความปลอดภัยของคุณและสมาชิกทุกคนในครอบครัวค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก: tkpark.or.th / sanook.com / baania.com
Picture credit: pinterest.com